วันเสาร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

สนธิ ป้อง ASTV ลั่นสู้ตาย!!


สนธิ ประกาศลั่น พร้อมสู้ตาย -ยิงตอบโต้ หาก ตำรวจบุกเข้ายึด ASTV แฉลั่น ทักษิณ สั่งการที่ฮ่องกง ด้านศรัณยูนำการ์ดพันธมิตรฯกดดันตำรวจ สหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ร้อง พธม.ยุติยึดสนามบิน ลั่นเป็นการประท้วงที่ ไม่เหมาะสม อย่างยิ่ง


นายสนธิ ลิ้มทองกุลนายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวผ่านสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวีว่า ขณะนี้มีกระแสข่าวยืนยันเป็นที่แน่นอนแล้วว่า พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล จะทำการปิดสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี ขอยืนยันว่า พันธมิตรฯ เตรียมพร้อมไว้แล้ว โดยจะรักษาฐานที่มั่นให้ดีที่สุดและยอมตายเพื่อบ้านเมือง ขอให้ผู้ชุมนุมดูแลทำเนียบรัฐบาลและสนามบินสุวรรณภูมิให้ดีที่สุด

นายสนธิ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คอยบังคับบัญชาเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลาที่เกาะฮ่องกง ทั้งที่การชุมนุมของพันธมิตรฯ เป็นการกระทำที่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ การบุกสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี ถือเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ถ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงเข้ามาในสถานี เราก็ต้องยิงสวนออกไป ถ้าตายก็ต้องตาย

"ศรัณยู"นำการ์ดพันธมิตรฯกดดันตำรวจ

สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อเวลา 11.00 น. นายศิริชัย ไม้งาม และนายศรัณยู วงษ์กระจ่าง แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ รุ่นที่ 2 พร้อมอาสาสมัครจำนวนหนึ่งใช้รถบรรทุก 6 ล้อ ติดเครื่องขยายเสียงออกตรวจตราอาคารทุกหลังบริเวณโดยรอบ อาคารผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อตรวจหาตำรวจที่วางกำลังรักษาการอยู่

นายศรัณยู เปิดเผยว่า การตรวจดังกล่าวเพื่อความปลอดภัยของผู้ชุมนุม เป็นการวนรถยนต์ตรวจรอบนอกอาคารทั้งหมด แต่ไม่ได้เข้าไปภายใน จากที่ตรวจสอบจากภายนอกอาคารไม่พบเห็นตำรวจแต่อย่างใด จากนั้นเมื่อรถบรรทุกเครื่องขยายเสียงไปถึงหน้าโรงแรมโนโวเทลได้ประกาศเตือนว่า "หากเรารู้ว่าโรงแรมโนโวเทลให้ที่พักพิงกับใคร ในคืนวันนี้ (29 พ.ย.) เราจะกลับมาเยี่ยม ในส่วนของความเคลื่อนไหวภายในอาคารผู้โดยสาร

เรือตรีแซมดินเลิศบุศย์ ผู้ประสานงานกองทัพธรรม ได้นำการ์ดพันธมิตรเดินตรวจตราพื้นที่ทุกชั้นภายในอาคารผู้โดยสาร โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนติดตามทำข่าวหรือบันทึกภาพ

ต่อมาโฆษกบนเวทีปราศรัยได้ประกาศให้การ์ดพันธมิตรอำนวยความสะดวกให้กับเจ้าหน้าที่ทหารอากาศ ซึ่งจะเข้ามาภายในอาคารผู้โดยสารเพื่อรับคณะผู้แสวงบุญชาวไทยมุสลิมไปขึ้นเครื่องบิน C 130 เพื่อเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์

จากนั้น นายศรัณยู วงษ์กระจ่าง พร้อมนายอมร อมรรัตนานนท์ ประกาศบนเวทีว่า พวกตนได้การ์ดพันธมิตรจำนวนมาก ช่วยเจรจากดดันให้ตำรวจยอมปลดอาวุธและเครื่องกระสุนและให้ทิ้งรถยนต์ ให้เดินออกจากจุดที่ตรึงกำลังไว้กลับไปยังจุดที่ตั้ง ขณะนี้ถนนทุกสายสามารถใช้การได้ปกติแล้ว ขอให้ประชาชนเดินทางมาร่วมชุมนุมกันให้มากๆ

ด้านนายแสงธรรม ชุนชฎาธาร บุตรชายของนางมาลีรัตน์ แก้วก่า แกนนำพันธมิตรฯ รุ่น 2 ประกาศเรียกร้องให้นักเรียนนักศึกษาทั่วประเทศหยุดเรียนมาร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯที่สุวรรณภูมิ ไม่ต้องกลัวว่าจะหมดสิทธิสอบหากโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษาใด มีครูอาจารย์เสื้อแดง ขอให้เแจ้งมาพันธมิตรฯจะไปจัดการให้

พธม.จากโคราชแห่เข้ากรุงสมทบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้า วันนี้ (29 พ.ย.) ที่บริเวณถนนชุมพลหลังอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) อ.เมือง จ.นครราชสีมา ได้มีเครือข่ายพันธมิตรฯ นครราชสีมา นับร้อยคนเดินทางมาขึ้นรถตู้โดยสารที่ทางพันธมิตรฯ จัดไว้ให้เพื่อเข้าไปสมทบกับกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ชุมนุมอยู่สนามบินสุวรรณภูมิ หลังทราบข่าวจากทางเอเอสทีวีว่าตำรวจได้ทำการปิดล้อมกลุ่มผู้ชุมนุมเอาไว้โดยไม่ให้มีการเข้า-ออกและส่งเสบียงเข้าไปสนับสนุนกลุ่มผู้ชุมนุมที่อยู่ภายในอาคารสนามบิน

นายสุพจน์ พิริยะเกียรติสกุล ผู้ประสานงานด้านสวัสดิการและยานพาหนะพันธมิตรฯ นครราชสีมา กล่าวว่า ตั้งแต่ช่วงเช้า มีเครือข่ายพันธมิตรฯ นครราชสีมา ได้แจ้งความจำนงเพื่อจะเดินทางไปร่วมชุมนุมที่สนามบินสุวรรณภูมิเป็นจำนวนมากจนรถตู้โดยสารไม่เพียงพอ ตนเองจึงแก้ปัญหาด้วยการออกตั๋วรถทัวร์ให้ไปขึ้นรถทัวร์สายนครราชสีมา-กทม.แทน แล้วค่อยต่อรถไปยังสนามบินสุวรรณภูมิหรือลงที่สนามบินดอนเมือง จากนั้นพันธมิตรฯ จะนำรถไปส่งที่สุวรรณภูมิต่อไป ส่วนสาเหตุที่รถตู้ไม่พอเพราะส่วนใหญ่ถูกเช่าเหมาไปในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรที่ จ.สกลนคร

สหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ร้อง พธม.ยุติยึดสนามบิน ลั่นเป็นการประท้วงที่"ไม่เหมาะสม"อย่างยิ่ง

รักษาการรองโฆษกกระทรวงต่างประเทศ สหรัฐอเมริกา ออกแถลงการณ์ระบุ การที่พันธมิตรฯ เข้ายึดสนามบินถือเป็นการประท้วงที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ขอให้เคลื่อนออกอย่างสงบ หวังวิกฤตไทยจะจบลงภายใต้หลักกฎหมาย

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า นายกอร์ดอน ดูกิด รักษาการรองโฆษกกระทรวงต่างประเทศ สหรัฐอเมริกา ออกแถลงการณ์ว่า สหรัฐเคารพสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมือง แต่การเข้ายึดสนามบินถือเป็นการประท้วงที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ขอเรียกร้องให้กลุ่มผู้สนับสนุนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยออกจากสนามบินดอนเมืองและสนามบินสุวรรณภูมิอย่างสงบ หวังว่าสถานการณ์ตึงเครียดที่เกิดขึ้นจะสามารถคลี่คลายได้โดยปราศจากความรุนแรงและจบลงภายใต้หลักของกฏหมาย

นายกอร์ดอน กล่าวว่า รัฐบาลวอชิงตันวิตกกังวลกับการชุมนุมประท้วงและการเข้ายึดสนามบินภายในประเทศและสนามบินระหว่างประเทศในกรุงเทพมหานคร ซึ่งทำให้การเดินทางอย่างอิสระเสรีของทั้งคนและสินค้าต้องประสบภาวะชะงักงัน

รายงานข่าวระบุว่า ข้อเรียกร้องของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐมีขึ้นหลังจากสายการบินหลายแห่งในหลายประเทศเริ่มทยอยเข้ามารับพลเมืองกลับโดยใช้สนามบินอู่ตะเภา อย่างไรก็ตาม ยังมีนักท่องเที่ยวหลายหมื่นคนติดค้างอยู่ในประเทศไทย

วันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

จำลอง ยันมีผู้ใหญ่ขอให้ยุติ แต่หยุดไม่ได้ต้องเดินหน้า

วันนี้ (28 พฤศจิกายน) เวลา 07.25 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ ขึ้นปราศรัย ว่า เหตุการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมา หลายคนคาดคิดกันว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจคงจะใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมในจุดที่พันรธมิตรฯชุมนุมทั้ง 4 แห่ง แต่ทุกอย่างเรียบร้อย ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะเรามีการเตรียมความพร้อม ทำให้ตำรวจไม่กล้าเข้ามาสลายการชุมนุมทั้ง 4 แห่ง ไม่ว่าทำเนียบ - สุวรรณภูมิ ดอนเมือง และเอเอสทีวี บ้านเจ้าพระยา

อย่างไรก็ตาม เมื่อวานมีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งติดต่อมาหาเพื่อจะขอพูดคุย และขอร้องให้พันมิตรฯสลายการชุมนุมที่สุวรรณภูมิ และดอนเมือง แต่ตนได้บอกไปว่า คงจะสลายการชุมนุมไม่ได้

แม้ว่าเศรษฐกิจจะเสียหายยับเยินไปแล้ว แต่พันธมิตรฯ ไม่ใช่ต้นเหตุความเสียหาย ทุกอย่างเกิดจากรัฐบาลและนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ตลอด 108 วันที่ผ่านมา พันธมิตรฯชุมนุมด้วยความยากลำบาก แต่คนอีกกลุ่มกลับอยู่ด้วยความสบาย แล้วจู่ๆจะเรียกร้องให้เราสลายการชุมนุมคงไม่ได้ จุดยืนคือเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก และไม่ให้มีการแก้รัฐธรรมนูญ ดังนั้นการที่เราเข้ายึดสุวรรณภูมิ และดอนเมือง เราได้เดินมาไกลมากถึงขนาดนี้แล้วจะขอให้เราหยุดคงเป็นไปไม่ได้ หากตำรวจอยากจะเข้ามาสลายการชุมนุม ขอเตือนว่าหากเราถูกสลายในวันนี้ วันรุ่งขึ้นจะมีคนลุกขึ้นมามืดฟ้ามัวดิน

ขณะนี้ตำรวจเตรียมเข้าจับกุมแกนนำทั้งหมด เรื่องนี้ตนได้ประกาศไปแล้วว่า เรามีการตั้งแกนนำชุดที่ 3 เอาไว้หมดแล้ว ที่จะขึ้นมาทำหน้าที่แทน ที่เราเพื่อต้องการรักษาประเทศเอาไว้ เพราะหากแกนนำทั้งหมดถูกจับ ประชาชนจะลุกฮือขึ้น และไม่มีใครควบคุมได้ ดังนั้น หากแกนนำถูกจับ แกนนำชุดที่ 3 จะเข้ามาทำหน้าที่แทนทันที การต่อสู้จะต้องสู้ถึงที่สุด ถึงไหนถึงกัน จะให้หยุดคงเป็นไปไม่ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลักจากพล.ต.จำลอง ปราศรัยเสร็จแล้ว มีกำหนดการจะเดินทางไปปราศรัยต่อที่ทำเนียบรัฐบาล และจะไปเยี่ยมให้กำลังใจพนักงานเอเอสทีวีที่บ้านพระอาทิตย์

วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ผบ.ทบ.เรียกถกด่วน! แก้วิกฤตปท.บ่าย2 ชี้พธม.ขัดจุดยืนกองทัพ 3 ข้อ

ผบ.ทร.ชี้พธม.ขัดจุดยืนกองทัพ 3 ข้อ รับรู้สึกอึดอัดใจ ปลัดกลาโหมติงเลิกบีบ ผบ.ทบ. ให้ปฏิวัติ บอกยิ่งทำให้บ้านเมืองถอยหลังลงคลอง อนุพงษ์ ยันมติ 3 เหล่าทัพไม่ปฏิวัติแน่ ยึดจุดยืน 3 ข้อ ป้องกันชาติ-ศาสน์-กษัตริย์ ยุติรุนแรง ยึดกระบวนการยุติธรรม มทภ.1 ชี้นิ้วขึ้นฟ้าหลังโดนถามปฏิวัติ

ผบ.ทบ. เรียกประชุมทุกส่วนหาทางแก้วิกฤต

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ร่วม ขอเรียนเชิญหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง ทบวง กรมหรือเทียบเท่า นายกสมาคมทุกสาขาอาชีพ ประธานอุตสาหกรรมไทย ประธานหอการค้าไทย ประธานการท่องเที่ยวไทย ประธานสมาคมธนาคารไทย อธิการบดีทุกมหาวิทยาลัยเข้าร่วมประชุมเพื่อหารือแนวทางการยุติสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เวลา 14.00 น.ของวันนี้ (26 พ.ย.) ที่ห้องประชุม 241 กองบัญชาการกองทัพบก

ผบ.ทร.ชี้พธม.ขัดจุดยืนกองทัพ 3 ข้อ รับรู้สึกอึดอัดใจ

พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) กล่าวเมื่อวันที่ 26 พ.ย.ว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เมื่อวานนี้ (25 พ.ย.) ขัดกับจุดยืนของกองทัพ 3 ข้อ ซึ่ง 1 ใน 3 ข้อ คือ ไม่ต้องการให้เกิดการปะทะกันระหว่างคน 2 กลุ่ม โดยยอมรับว่า อึดอัดใจมากกับสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ เพราะประเทศชาติต้องก้าวหน้าต่อไป เราเดินต่อไปไม่ได้ ประชาชนเดือดร้อนมาก ไม่รู้ทำอย่างนี้นานๆ เข้า ผลกระทบจะยิ่งมาก

พล.ร.อ.กำธร ยืนยันว่า กองทัพไม่ได้นิ่งเฉยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ต้องใช้ความสุขุมรอบคอบพิจารณาผลดีผลเสียของการดำเนินการตามแนวทางต่างๆ และยอมรับว่า บทเรียน 19 ก.ย. 2549 ทำให้กองทัพต้องไตร่ตรองให้รอบคอบมากขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จุดยืนของกองทัพ ซึ่ง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ระบุเมื่อวานนี้ มี 3 ข้อ 1.ทหารทุกเหล่าทัพจะดูแลประเทศชาติบ้านเมือง โดยมีแนวคิดดูแลสถาบันหลักของชาติ และประชาชนไว้ให้ได้ 2.ส่วนเรื่องประกันว่าจะไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น ผบ.เหล่าทัพเห็นตรงกันว่าจะใช้มาตรการและศักยภาพทั้งหมดที่มีอยู่ เพื่อไม่ให้คนมาปะทะกันทำให้เกิดความสูญเสียขึ้น และ 3.ยึดแนวทางกระบวนการยุติธรรม หรือกฎหมายเป็นหลักในการช่วยกันแก้ไขปัญหาสถานการณ์บ้านเมือง

ปลัดกลาโหมฮึ่ม! พันธมิตรเลิกบีบให้ปฏิวัติ

เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 25 พฤศจิกายน ที่โรงแรมโฟร์ ซีซั่นส์ ถนนวิทยุ เครือข่ายปัญญาสยาม แถลงข่าวเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก และขอให้กลุ่มพันธมิตรยุติการชุมนุม โดยนายสมบัติ ธำรงธัญญวงศ์ อธิการบดีสถานบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ที่ปรึกษาเครือข่ายฯ กล่าวว่า หากสถานการณ์ยังเป็นอย่างนี้อยู่ต่อไป จะยิ่งรุนแรงขึ้น เครือข่ายฯจึงขอเสนอ 2 ข้อ คือ 1.ให้รัฐบาลลาออก 2.กลุ่มพันมิตรยุติการชุมนุม หลังจากนี้จะเสนอเอกสารต่อรัฐบาลและพันธมิตรต่อไป

พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุก อดีตผู้บัญชาการทหารอากาศ สมาชิกเครือข่ายฯ ตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงการรัฐประหารยุติปัญหาเหมาะสมหรือไม่ว่า คงไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศในขณะนี้ เชื่อว่าจะไม่เกิดขึ้น เมื่อปัญหาเกิดขึ้นจากการเมืองควรแก้ไขด้วยการเมือง การทำรัฐประหารขึ้นกับปัจจัยหลายอย่าง ทั้งสถานการณ์และ ผบ.เหล่าทัพในขณะนั้น

วันเดียวกัน พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ ถึงจุดยืนกองทัพต่อการสถานการณ์การเมืองและการปิดล้อมสถานที่สำคัญๆของ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่า แนวทางออกที่ผู้บัญชาการ (ผบ.)เหล่าทัพพูดคุยกัน ไม่ใช่ว่าไม่ห่วงสถานการณ์ หรือชาติบ้านเมือง สิ่งที่ ผบ.เหล่าทัพคิด คือพยายามอดทน อดกลั้น และยอมเจ็บพอสมควร ถ้าทำตามกลุ่มพันธมิตรที่ต้องการให้ทหารออกไปทำอะไร ยิ่งทำให้ชาติบ้านเมืองถอยหลังลงคลองและเลวร้ายไปอีก ผบ.เหล่าทัพคุยกันว่าอยากเห็นบ้านเมืองก้าวหน้ามากกว่าจะเห็นนานาประเทศ บอยคอตไทย ยิ่งกลายเป็นปัญหา

"ผมไม่อยากให้กลุ่มพันธมิตรบีบผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)ทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะจะทำให้ชาติบ้านเมืองยิ่งเลวร้ายหนักลงไปอีก อยากขอร้องอย่าไปกดดัน ผบ.ทบ. เพราะไม่มีประโยชน์ และไม่มีอะไรดีขึ้น สิ่งที่กลุ่มพันธมิตรกล่าวหาว่า ทหารไม่ทำอะไร แต่สิ่งที่ทหารทำอยู่ถือว่ายิ่งใหญ่กว่าที่เขาเรียกร้อง เพราะความอดทนไม่ใช่สิ่งที่ทำได้ง่ายๆ ดังนั้นอย่าบีบให้เราต้องมาทำในสิ่งที่เราคิดว่าไม่ใช่เป้าหมายของประเทศ ชาติ" ปลัดกระทรวงกลาโหมกล่าว

พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า เชื่อว่ากลุ่มพันธมิตรต้องการเอาระบบการเมืองใหม่เข้ามาแก้ไขปัญหา เป้าหมายคือต้องการความเจริญก้าวหน้าของประเทศชาติ ไม่อยากเห็นการคอร์รัปชั่นการทุจริต สิ่งที่ต้องการ ทุกฝ่ายคิดเหมือนกัน แต่วิธีดำเนินการไม่เหมือนกัน เชื่อว่ายังสามารถคุยกันได้ ทางออกที่ดีที่สุดคือการเจรจาทั้ง 2 ฝ่าย ถอยกันคนละก้าวมาพูดคุยหาทางออกให้บ้านเมือง หรือหาคนกลางช่วยกันพิจารณาทางออก ขณะนี้ดูอยู่ว่าจะหาใครมาเป็นคนกลาง

พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวว่า ตนกับ ผบ.เหล่าทัพหารือคุยกันตลอดเวลา ซึ่งทุกคนคิดเหมือนกัน เจตนารมณ์การทำงานของกองทัพ ยึดมั่นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อชาติ ราชบัลลังก์ และประชาชน ทำทุกอย่างให้ประเทศชาติมั่นคงตามอำนาจหน้าที่ในรัฐธรรมนูญ ผู้สื่อข่าวถามว่า กองทัพจะปล่อยให้ชุมนุมต่อไปเรื่อยๆ พล.อ.ทรงกิตติ กล่าวว่า ไม่ใช่ ปัญหาของประเทศคือการแก้ไขโดยบุคคลรับผิดชอบ ขณะนี้ทุกคนเอาทุกอย่างมารวมกัน แล้วกำหนดให้เป็นหน้าที่ทหาร เมื่อถามต่อไปว่า ยืนยันจุดยืนเดิมหรือไม่ว่ากองทัพจะไม่ปฏิวัติ พล.อ.ทรงกิตติ กล่าวว่า “ยืนยัน นั่งยัน นอนยัน อยากถามว่าต้องการให้ทหารออกมาปฏิวัติอีกเหรอ”

ด้าน พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าวว่า กองทัพมีจุดยืน 3 ประการ 1.ดูแลปกป้องสถาบันหลักของชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2.ในฐานะที่เป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงาน รับมอบหมายให้ดูแลความสงบเรียบร้อย ต้องการให้บุคคลที่มีความขัดแย้ง ไม่ใช้ความรุนแรง ไม่ว่าเป็นฝ่ายใด ไม่ให้ประชาชนบาดเจ็บ 3.การดำเนินการใดควรเป็นไปตามครรลองของกฎหมาย หรือกระบวนการยุติธรรมเป็นหลัก ซึ่ง ผบ.เหล่าทัพ ยึดแนวทางใน 3 ประการ เพราะไม่อยากให้ใช้ความรุนแรง ให้ใช้ความสุขุมรอบคอบ สันติวิธี

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. กล่าวถึงการดูแลการชุมนุมว่า มีแผนเตรียมไว้รองรับ แต่ขณะนี้ยังไม่มีสิ่งบอกเหตุว่าจะเกิด แต่ให้กำลังเตรียมพร้อมไว้แล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่า อยากให้กระแสสังคมตัดสินการชุมนุม แต่กองทัพอยู่เฉยๆ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ผบ.เหล่าทัพคุยกัน และยืนยันว่าสถานการณ์ขณะนี้อยู่ในสถานะที่เป็นการแสดงความคิดเห็น ไม่มีความรุนแรง กองทัพเห็นตรงกันในจุดยืน 3 ประการ

เมื่อถามว่า แสดงว่าทหารจะไม่ใช้การปฏิวัติอย่างที่หลายฝ่ายเรียกร้อง พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ทุกเหล่าทัพเห็นตรงกันว่าการปฏิวัติเป็นแนวทางอื่น ยังไม่น่าที่จะแก้ไขปัญหาประเทศได้ ทุกส่วนและทุกเหล่าทัพเห็นตรงกันว่าจะยึดแนวทางหลัก 3 ประการ เพื่อประคองให้สถานการณ์ประเทศชาติ ผ่านวิกฤติไปได้

ขณะที่ พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวว่า กองทัพบกสั่งให้กองทัพภาคที่ 1 ติดตามสถานการณ์ความปลอดภัยไม่ว่าเหตุลอบทำร้าย หรือผู้ไม่ประสงค์ดี หรือเหตุการณ์ใดก็ตาม เพื่อไม่ให้เกิดการแทรกแซง มีสารวัตรทหาร 3 เหล่าทัพวางกำลังร่วมกับตำรวจ 14 จุดในพื้นที่สำคัญ

ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลมองว่าหากทหารจะออกมาปฏิวัติ จะพุ่งเป้าไปที่แม่ทัพภาคที่ 1 และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสนาธิการทหารบก พล.ท.คณิต ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม เมื่อถามว่า แสดงว่าต้องรอให้ ผบ.ทบ.สั่งใช่หรือไม่ พล.ท.คณิต ชี้นิ้วขึ้นฟ้า พร้อมกล่าวว่า "ทหารไม่ได้มีแค่ ผบ.ทบ.ท่านเดียว"

วันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

พันธมิตรฯ ปะทะ นปช. บริเวณปากซอยวิภาวดี 3



สื่อข่าวรายงานวันนี้ (25 พ.ย.) ว่า เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา มีเหตุปะทะกันระหว่างกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ (นปก.) และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บริเวณถนนวิภาวดีซอย 3 แขวงจอมพล เขตจตุจักร ทำให้มีผู้ถูกลูกหลง ได้รับบาดเจ็บประมาณ 4 ราย ขณะนี้ได้นำส่งโรงพยาบาลเปาโลเมโมเรียลแล้ว และยังมีกลุ่มคนได้เผารถจักรยานยนต์ จำนวน 3 คัน และเผาทำลายตู้โทรศัพท์เสียหาย บริเวณข้างปั๊มเอสโซ่ ถนนวิภาวดีรังสิต ใกล้กับตึกดีแทค

ทั้งนี้ มีรายงานว่า กลุ่มแท็กซี่เสื้อแดงที่ปักหลักอยู่หน้าวิภาวดี ซอย 3 ถูกกลุ่มพันธมิตรฯ เสื้อเหลืองที่นั่งมาบนรถกระบะเป็นขบวนมาจากดอนเมืองมุ่งหน้าดินแดง ระดมพลข้ามถนนจากช่องทางด่วนใช้อาวุธปืน ไม้และเหล็ก ใช้ปืนยิงใส่กลุ่มผู้ชุมนุ บาดเจ็บเป็น ชาย 3 หญิง 1 จากนั้นได้ใช้น้ำมันราดรถจักรยานยนต์รับจ้าง ที่จอดอยู่หน้าปากซอย ไป 3 คัน พอเสร็จเรียบร้อยแล้วได้วิ่งกลับไปขึ้นรถฝั่งตรงข้าม

อีกรายงานหนึ่ง ระบุว่า ระหว่างกลุ่มพันธมิตรฯ ได้เดินทางด้วยรถบรรทุกเข้ามาในพื้นที่ปากวิภาวดีซอย 3 ซึ่งเป็นที่ตั้งของวิทยุชุมชนคนรักแท็กซี่ ปรากฏว่า ได้มีกลุ่มคนเสื้อแดง ขว้างปาไม้ ก้อนหิน เข้าใส่กลุ่มพันธมิตรฯ นอกจากนั้น ยังพบมีการพก อาวุธ มีด ปืน ทั้งสองฝ่าย รวมถึงได้ยินเสียงคล้ายปะทัดดังขึ้นประมาณ 10 นัด ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานวันนี้ (25 พ.ย.) ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบจลาจลของกรมบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการจำนวนกว่า 400 นาย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตั้งด่านสกัดกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ตามทางเข้าออกด้านถนนบางนาตราด ถนนอ่อนนุช และถนนศรีแก้ว เพื่อไม่ให้เคลื่อนพลเข้าสู่อาคารผู้โดยสาร โดยได้แบ่งกำลังส่วนหนึ่ง เข้าไปตรึงกำลังบริเวณลาดจอดรถแท็กซี่ของสนามบินฯ ซึ่งเป็นกลุ่มของคนรักทักษิณ และเตรียมเคลื่อนพลขึ้นมาประจันหน้า หากกลุ่มพันธมิตรฯ เคลื่อนพลขึ้นมายังอาคารผู้โดยสาร

ทั้งนี้ มีคนขับรถแท็กซี่ 1 คน ถูกยิง และได้นำตัวส่งโรงพยาบาลลาดกระบัง แต่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นกลุ่มของพันธมิตรฯ หรือกลุ่มคนรักทักษิณ

วันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ซูโม่แห้ว วีนปาวิทยุใส่หัว ตัวประกอบ


ซูโม่แห้วผกก.นอตหลุด ขว้างวิทยุโดนหัวดาราปูด [24 พ.ย. 51 - 03:41]

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 23 พ.ย. น.ส.กนกนุช ประทวนชัย อายุ 24 ปี ดารา ตัวประกอบละคร เดินทางเข้าพบ ร.ต.ท.วิวัฒน์ เพชรี พนักงาน สอบสวน (สบ 1) สน.โคกคราม เพื่อขอลงบันทึกประจำวัน ไว้เป็นหลักฐาน กรณีถูก “ซูโม่แห้ว” นายบำเพ็ญ ชำนิบรรณการ ผู้กำกับละครเรื่อง “น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์” ที่ออกอากาศทางไทยทีวีสีช่อง 3 เอาวิทยุสื่อสารขว้างใส่ ศีรษะได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดภายในร้านแชมพู แอนด์ ชูการ์ ถนนเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา แขวงและเขต ลาดพร้าว กทม. เมื่อวันที่ 22 พ.ย. ที่ผ่านมา

นักแสดงตัวประกอบละครวัยรุ่นยอดฮิตทางช่อง 3 ลำดับเหตุการณ์ว่า ได้รับการติดต่อจากบริษัทโมเดลลิ่งแห่งหนึ่งให้ไปรับบทเป็นตัวประกอบในละคร “น้องใหม่ ร้ายบริสุทธิ์” ก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 16.00 น. ได้ไปเข้าฉากถ่ายทำละครตามที่นัดหมายตกลงกันไว้ ที่ร้านแชมพู แอนด์ ชูการ์ ซูโม่แห้ว-บำเพ็ญ ผู้กำกับ สั่งให้นั่งเป็นตัวประกอบภายในร้านปะปนกับกลุ่มดาราตัวหลัก เป็นฉากที่นักแสดงหลักทะเลาะกันแล้วคนในร้าน รวมทั้ง ตนต้องลุกขึ้นยืนดู แต่ผู้กำกับไม่ได้อธิบายรายละเอียดกับ ตน เมื่อถ่ายจริง ซูโม่แห้วสั่งให้นายพนัส โสภณวิทยางกุล แฟนของตนที่เป็นตัวประกอบเหมือนกัน ลุกขึ้นยืน แต่ นายพนัสไม่ทราบบทจึงนั่งเฉย

เหยื่ออารมณ์ผู้กำกับละครเผยอีกว่า ซูโม่แห้วแสดง อาการไม่พอใจทันที คว้าวิทยุสื่อสารขว้างมาที่โต๊ะถูก ศีรษะตนจนเจ็บ แล้วยังเรียกนายพนัสไปด่าด้วยถ้อยคำ หยาบคาย ทำเอาทีมงานและนักแสดงทั้งกองถ่ายต่างเงียบ กริบ ไม่มีใครกล้าพูดอะไร จากนั้นจึงถ่ายทำกันต่อจนเลิก ซูโม่แห้วถึงเดินมาขอโทษ อ้างไม่ได้ตั้งใจ ตนก็ไม่คิดจะเอาเรื่อง เพราะไม่เป็นอะไรมาก แต่เมื่อตื่นมาตอนเช้า รู้สึกเจ็บศีรษะ พบมีรอยบวมช้ำ เลยตัดสินใจเข้าแจ้งความเป็นหลักฐานไว้ก่อน และอยากให้ผู้กำกับรู้ว่าการทำแบบนี้กับคนอื่นเป็นเรื่องที่ไม่น่าให้อภัย ปกติหากผิดคิว น่าจะบอกกล่าว หรือตักเตือน ไม่ใช่ใช้อารมณ์ แล้วยังเรียกไปด่าอีก

ด้าน ร.ต.ท.วิวัฒน์ เพชรี พนักงานสอบสวนผู้รับเรื่องกล่าวว่า เบื้องต้นได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน แล้ว ก่อนจะทำหนังสือเรียกตัวซูโม่แห้ว-บำเพ็ญ มาสอบถามเพื่อความกระจ่างชัด และให้ทั้งสองฝ่ายเจรจาไกล่เกลี่ยตกลงกันอีกครั้งว่าจะเอาอย่างไรกันต่อไป

วันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

รถแข่งพุ่งชน กองเชียร์ตาย9 สนามคลองหลวง

เก๋งเสียหลักเหินฟ้าชนแท่งปูนกั้นขอบสนามแข่งรถ จ.ปทุมธานี ก่อนกวาดคนดูข้างสนามตาย 9 เจ็บระนาว คนขับเผ่นหนี ตำรวจเตรียมเรียกสอบพร้อมคนดูแลสนามมรณะ แจ้งข้อกล่าวหา


นาฏกรรมคาสนามแข่งรถครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ต.ท.วันชัย แฉ่งอารีย์ สารวัตรเวรสอบสวน สภ.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี รับแจ้งเกิดเหตุรถยนต์เสียหลักพุ่งชนฝูงคนที่เข้าไปดูการแข่งขันรถยนต์ภายในสนามแข่งรถบางกอกแด๊กซ์ อเวนิว ตั้งอยู่ริมถนนเลียบคลองห้า หมู่ 11 ต.คลองห้า อ.คลองหลวง เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ขอให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบด้วย หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับทราบตามลำดับชั้น พร้อมรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ร่วมกับ พ.ต.ท.พัลลพ แอร่มหล้า สวญ.สภ.คลองห้า แพทย์ รพ.คลองหลวง และเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู


นอกจากนี้ยังทราบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 11 คน พลเมืองดีและเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญูนำส่งโรงพยาบาลต่างๆ โดยที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ รับผู้บาดเจ็บ 5 คน เสียชีวิตในเวลาต่อมา 1 คน ยังทราบชื่อ ที่โรงพยาบาลภัทร ธนบุรี มีผู้บาดเจ็บ 2 คน โรงพยาบาลธัญบุรี 3 คน เสียชีวิต 1 คน ทราบชื่อคือ นายจีระเดช กอแซ อายุ 15 ปี และโรงพยาบาลคลองหลวง 1 คน เสียชีวิตในเวลาต่อมา ทราบชื่อคือ นายปิยะ สมันเลาะ อายุ 35 ปี รวมผู้เสียชีวิตทั้งหมด 9 คน

สอบสวนนายบุญเลิศ กองพา อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9/128 หมู่ 4 ต.ท้ายบ้าน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ผู้เห็นเหตุการณ์ กล่าวว่า ตนและเพื่อนๆ หลายคนซึ่งเป็นช่างซ่อมรถ และได้เดินทางมากับทีมแข่งรถเพื่อคอยดูแลเครื่องยนต์ ระหว่างที่ทีมของพวกตนยังไม่ได้ลงสนามแข่ง จึงได้มายืนดูการแข่งขันที่ข้างสนาม ซึ่งเป็นช่วงแข่งขับแบบควอเตอร์ไมค์ ระยะ 400 เมตร มีรถลงสนามแข่ง 2 คัน เมื่อกรรมการให้สัญญาณปล่อยรถ ทั้งคู่ได้พุ่งออกจากจุดสตาร์ทอย่างรวดเร็ว

เมื่อรถวิ่งมาได้ประมาณ 300 เมตร จู่ๆ รถคันเกิดเหตุซึ่งเป็นรถแข่งของทีมหมอเส็ง ซึ่งวิ่งอยู่เลนขวาได้เสียหลักแฉลบมาทางด้านซ้าย และพุ่งเข้าชนแท่งปูนกั้นขอบสนามอย่างรุนแรง จนตัวรถพลิกคว่ำกระเด็นลอยข้ามแท่งปูนตรงเข้ากวาดผู้คนที่ยืนชมการแข่งขันอยู่ด้านข้าง จนเพื่อนๆ ที่มาด้วยกันเสียชีวิตทันที 4 คน และมีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก ก่อนที่รถคันดังกล่าวจะไปหยุดนิ่งพลิกคว่ำอยู่ขอบปูนดังกล่าว

พ.ต.ท.วันชัยกล่าวว่า จากการสอบสวน เบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุทางสนามแข่งรถแห่งนี้ได้จัดการแข่งรถเพื่อประลองความเร็วครั้งใหญ่ขึ้นเป็นนัดพิเศษ โดยจะจัดขึ้นปีละครั้ง ทำให้มีกลุ่มวัยรุ่นจำนวนหลายพันคนเข้ามาชมการแข่งขันในครั้งนี้ นอกจากมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากแล้ว ยังพบว่ามีรถกระบะและรถเก๋งที่จอดอยู่ข้างทางถูกรถคันเกิดเหตุพุ่งเข้าชนจนเสียหายทั้งหมด 6 คัน

จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ขับรถคันเกิดเหตุคือ นายทศพล เปรี่ยมใย ไม่ทราบอายุและที่อยู่ หลังเกิดเหตุได้อาศัยช่วงชุลมุนหลบหนีไป เจ้าหน้าที่จะได้ติดตามตัวมาสอบสวนเพื่อดำเนินคดีในข้อหาขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ในส่วนของผู้ดูแลสนามแข่งขัน จะเชิญตัวมาสอบสวนเพื่อจะดูว่าทางสนามแข่งขันกระทำการโดยประมาท หรือไม่มีการเตรียมพร้อมป้องกันอย่างดีหรือไม่ จนเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น หากมีส่วนประมาทเจ้าหน้าที่จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป