วันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ลูกนักการเมืองดัง เปิดศึกแย่งผู้ชาย


ลูกสาวนักการเมืองชื่อดังก่อเหตุงามหน้ายกพวกรุมจิกหัวตบสั่งสอนมารหัวใจหน้าศาลากลางจังหวัดฯ คู่กรณีสู้ไม่ไหวเผ่นขึ้นจยย.หนีไปตั้งหลัก อีกฝ่ายยังไม่หนำใจบวกกับฤทธิ์แอลกอฮอล์ปรี่ขึ้นเก๋งซิ่งตามไล่ล่า ได้จังหวะเหมาะเหยียบคันเร่งจนมิดพุ่งชนเหยื่อกระเด็นกระดอนตกจยย.ได้รับบาดเจ็บ ส่วนรถพังยับเยิน ขณะที่ตัวเองแค่หัวแตก ตร. เตรียมแจ้งข้อหาหนัก “สาวเลือดร้อน” พยายามฆ่า-ขับรถขณะเมาสุรา และอีก 2 กระทง

เปิดศึกแย่งผู้ชาย ลูกนักการเมืองดัง ซิ่งรถพุ่งชนคู่กรณีหวิดตาย ถูกเปิดเผยเมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 21 พ.ย. ร.ต.ท.ชาตรี ชูแก้ว ร้อยเวร สภ.เมืองอุทัยธานี เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 20 พ.ย.ที่ผ่านมา รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุมีผู้ได้รับบาดเจ็บ หน้าศาลากลางจังหวัดฯ รีบไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบรถเก๋งโตโยต้ายาริส สีขาว พุ่งชนเสาไฟฟ้าจนหักโค่น สภาพรถพลิกตะแคงอยู่บนลานปูน หน้ารถชนกับต้นไม้พังยับเยิน โดยมีรถ จยย.สีน้ำตาล สภาพใหม่ถูกรถคันดังกล่าวลากครูดเป็นทางยาวจนกลายเป็นเศษเหล็ก เบื้องต้นทราบชื่อคนขับรถยนต์คือ น.ส.เก๋ (นามสมมุติ) อายุ 23 ปี ลูกสาวนักการเมืองท้องถิ่นชื่อดังคนหนึ่ง อยู่ในสภาพเมาสุราอย่างหนัก ศีรษะแตกได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ส่วนคนขี่จยย. ชื่อ น.ส.สวย (นามสมมุติ) อายุ 23 ปี มีอาการบาดเจ็บศีรษะบวม ร่างกายฟกช้ำดำเขียวถลอกปอกเปิกเต็มไปหมด ทั้งนี้เจ้าตัวมีสติ แต่ยังไม่สามารถให้การกับเจ้าหน้าที่ได้

จากการสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์คนหนึ่งให้การว่า ก่อนเกิดเหตุเห็น น.ส.สวย ขี่จยย.ลักษณะคล้ายกับหนีรถเก๋งโตโยต้ายาริสคันดังกล่าว มาถึงที่เกิดเหตุรถคู่กรณีได้เร่งเครื่องก่อนจะพุ่งชนอย่างจัง ทำให้ น.ส.สวย กระเด็นตกจากรถ ศีรษะกระแทกพื้นได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้เรียกพยานคนหนึ่งมาสอบปากคำ เบื้องต้นได้ความว่า ก่อนเกิดเหตุ น.ส.สวย ถูก น.ส.เก๋ พร้อมพวกรุมตบที่ลานสุพรรณิการ์หน้าศาลากลางจังหวัดฯ สาเหตุมา จากแย่งผู้ชายคนเดียวกัน หลังจากถูกรุมทำร้าย น.ส.สวย สู้ไม่ได้เลยรีบขี่ จยย.หนี แต่ น.ส.เก๋ ซึ่งอยู่ในอาการเมาสุราไม่ยอมขับรถยนต์ไล่ตาม ก่อนจะเหยียบคันเร่งพุ่งชนมารหัวใจจนได้รับบาดเจ็บดังกล่าว

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่นำตัว น.ส.เก๋ ไปตรวจหาปริมาณแอลกอฮอล์ และสารเสพติดในร่างกาย ผลระบุว่า น.ส.เก๋มีปริมาณแอลกอฮอล์เกินกำหนด ซึ่งเจ้าหน้าที่เตรียมแจ้งข้อหา พยายามฆ่า, ขับขี่รถขณะเมาสุรา, ขับรถโดยประมาททำให้ทรัพย์สินทางราชการเสียหาย และขับรถโดยประมาททำให้ทรัพย์สินของผู้อื่นได้ รับความเสียหาย อย่างไรก็ตามจะได้สอบปากคำ พยานและผู้บาดเจ็บอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัดต่อไป.

วันศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

เตือนภัยแฟชั่น *เจาะจิ๋ม* เสี่ยงติดเชื้อ

สธ.เตือนภัยแฟชั่น *เจาะจิ๋ม* เสี่ยงติดเชื้อถึงตาย
เมื่อวันที่ 20 พ.ย. น.ต.นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงแฟชั่นการเจาะอวัยวะเพศซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในกลุ่มวัยรุ่นหญิงว่า กลุ่มวัยรุ่นมักจะมีแฟชั่นเป็นของตนเอง และพบว่าขณะนี้เริ่มมีแฟชั่นการเจาะใส่เครื่องประดับอวัยวะเพศเข้ามา จึงอยากเตือนว่า ไม่ควรเจาะใส่เครื่องประดับตรงบริเวณดังกล่าว เพราะจะก่อให้เกิดอันตรายได้ เนื่องจากบริเวณอวัยวะเพศหญิงเป็นที่อับชื้น ทำให้มีเชื้อโรคแบคทีเรีย ซ้ำยังเป็นส่วนที่มีเส้นเลือดหล่อเลี้ยงมาก หากมีการเจาะบริเวณนี้ ไม่เพียงแต่ก่อให้เกิดบาดแผล เกิดความเจ็บปวด ทรมาน อาจทำให้เกิดการติดเชื้อตามมาได้ ตั้งแต่เกิดอาการอักเสบ บวมแดง และอาจมีการติดเชื้อลามไปถึงท่อปลีกมดลูก ท่อปัสสาวะและไต นอกจากนี้หากมีการติดเชื้อไปในกระแสโลหิตยังอาจทำให้เสียชีวิตได้ โดยในรายที่ติดเชื้อลามไปถึงท่อปลีกมดลูกอาจทำให้มดลูกตีบตัน ไม่ได้สามารถมีบุตรได้

การเจาะอวัยวะเพศหญิงนั้น จะเจาะตรงส่วนที่เรียกว่าแคมใหญ่ และบริเวณด้านนอก โดยมีการนำเอาโลหะที่เป็นเครื่องประดับมาร้อยใส่ไว้ ซึ่งแฟชั่นนี้วัยรุ่นจะทำตามเพื่อนๆ และคิดเข้าใจว่าเป็นสิ่งที่โก้เก๋ แต่เมื่อผ่านไปสักพักหนึ่งจะมาให้แพทย์นำออก เพราะนอกจากรู้สึกเจ็บและรำคาญแล้ว ยังมีการเสียดสีตรงบริเวณดังกล่าวบ่อยครั้ง จนทำให้เกิดการอักเสบตามมา* น.ต.นพ.บุญเรือง กล่าว

รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวต่อว่า ส่วนที่เชื่อว่า เมื่อเจาะและใส่เครื่องประดับที่อวัยวะเพศแล้ว จะส่งผลให้มีความรู้สึกทางเพศมากขึ้นนั้น ต้องขอเรียนว่า เรื่องความรู้สึกทางเพศนั้น ต้องอาศัยจากหลายองค์ประกอบ ไม่ใช่เมื่อเจาะใส่วัตถุใดที่อวัยวะเพศแล้ว จะทำให้มีความรู้สึกทางเพศมากขึ้น ซึ่งความเชื่อนี้ไม่เฉพาะแต่ผู้หญิงเท่านั้นที่เข้าใจผิด แต่พบว่าในกลุ่มผู้ชายก็มีเชื่อเช่นนี้ เนื่องจากพบว่ามีการฝังวัตถุที่อวัยวะเพศตนเอง แต่ปรากฏว่าในความเป็นจริง ไม่เพียงแต่เจ็บปวดจากการฝังและเจาะอวัยวะเพศเท่านั้น แต่ยังอาจทำให้ความรู้สึกทางเพศลดลง หรือขาดความรู้สึกทางเพศไปเลย ดังนั้นการเจาะอวัยวะเพศจึงไม่ได้เป็นการกระตุ้นความรู้สึกทางเพศอย่างที่เข้าใจ

น.ต.นพ.บุญเรือง กล่าวด้วยว่า ก่อนหน้านี้การเจาะใส่เครื่องประดับจะนิยมเจาะที่ใบหู อันตรายเกิดขึ้นน้อย เพราะไม่ใช่ตำแหน่งจุดสำคัญอะไร แต่ต่อมาก็นิยมหันมาเจาะใส่เครื่องประดับตามส่วนอื่นๆ ของร่างกาย เช่น ที่ริมฝีปาก จมูก และสะดือ รวมถึงอวัยวะเพศอย่างที่พบในปัจจุบัน ซึ่งการเจาะในเครื่องประดับอวัยวะเพศหญิงจะส่งผลร้ายต่อสุขภาพอย่างมาก ดังนั้นวัยรุ่นจึงไม่ควรเลียนแบบ นอกจากนี้ยังอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอดส์ได้ จากการใช้อุปกรณ์เจาะที่ไม่มีการทำความสะอาดที่ดีพอ.

วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

โจรสลัดโซมาเลียยึด เรือประมงไทย

สำนักข่าวต่างประเทศเอพี เอเอฟพีและรอยเตอร์ รายงานอ้างคำกล่าวนาย โนเอล ชูง เจ้าหน้าที่สำนักงานกรมเรือเดินสมุทร ประจำกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อ 19 พ.ย. ว่า เรือประมงไทยรวมทั้งลูกเรืออีก 16 คน ถูกโจรสลัดโซมาเลียบุกยึดจับตัวเรียกค่าไถ่ บริเวณอ่าวอาเดน ในน่านน้ำโซมาเลีย เมื่อวันอังคารที่ 18 พ.ย. โดยเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้รับการติดต่อจากกลุ่มโจรสลัดใดๆ ทั้งสิ้น นับเป็นเรือลำที่ 8 ที่ถูกโจรสลัดโซมาเลีย บุกยึดในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้มีรายงานจากสมาคมนักเดินเรือแอฟริกาตะวันออกว่า เรือสินค้าอีก 2 ลำ ของอิหร่านและกรีก ถูกโจรสลัดบุกยึดในวันเดียวกัน

นายวิชาญ ศิริชัยเอกวัฒน์ ผู้จัดการของบริษัทศิริชัย ฟิชเชอร์รี จำกัด เปิดเผยกับสำนักข่าวเอพีว่า เรือไทยดังกล่าวชื่อ “เอกวัฒน์ นาวา 5” มีลูกเรือ 16 คน เป็นชาวไทย 15 คน กัมพูชา 1 คน ขณะนี้ บริษัท ได้แจ้งข่าวให้ครอบครัวของลูกเรือทุกคนทราบแล้ว บริษัทอยู่ระหว่างการรอข้อเรียกร้องจากโจรสลัดอยู่

ด้านผู้บังคับการ เจน แคมเบล โฆษกประจำกองทัพเรือที่ 5 ของสหรัฐฯ ได้ยืนยันว่าเรือไทยถูกโจรสลัดยึดจริง เนื่องจากกองทัพเรือได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือจากเรือไทย จึงมีการส่งเครื่องบินไปตรวจสอบและพบว่ากลุ่มโจรสลัดได้ยึดเรือไทยเป็นที่เรียบร้อย ขณะนั้นไม่มีเรือรบของสหรัฐฯอยู่ในบริเวณใกล้เคียง จึงไม่สามารถให้ความช่วยเหลือได้ ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือน ส.ค. โจรสลัดโซมาเลียได้บุกยึดเรือบรรทุกสินค้า “เดอะ เอมวีธอร์ สตาร์” ของไทย ที่อยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท โธเรเซน ไทย เอเยนซี่ บริษัทเดินเรือที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ เพิ่งได้รับการปล่อยเป็นอิสระเมื่อปลายเดือน ต.ค.หลังกลุ่มโจรสลัดได้รับค่าไถ่ไม่ทราบจำนวน

ส่วนเรือบรรทุกน้ำมันดิบ “ซิริอุส สตาร์” ของซาอุดีอาระเบีย ที่ถูกโจรสลัดยึดไปเมื่อวันเสาร์ที่ 15 พ.ย. ขณะนี้กลุ่มโจรสลัดได้ติดต่อเรียกร้องค่าไถ่ผ่านทางสำนักข่าวอัลจาซีรา แต่ไม่ระบุจำนวนเงิน นาย ชูง เผยเพิ่มว่า เรือจำนวน 17 ลำ รวมลูกเรือกว่า 300 คน ถูกโจรสลัดครอบครอง และอยู่ระหว่างการเจรจาค่าไถ่ รวมถึงเรือบรรทุกน้ำมันดังกล่าว และเรือบรรทุกอาวุธ “เอมวี ไฟนาร์” ของยูเครน

ขณะเดียวกัน เมื่อตอนค่ำของวันที่ 18 พ.ย. กองทัพเรืออินเดียเผยว่า เรือพิฆาต ไอเอนเอส ทาบาร์ ทำการจมเรือโจรสลัดโซมาเลีย ระหว่างปฏิบัติภารกิจไล่ล่าโจรสลัด บริเวณอ่าวอาเดนในน่านน้ำโซมาเลีย โดยเรือพิฆาตอินเดีย ค้นพบเรือต้องสงสัยเมื่อตอนดึกของคืนวันอังคาร และได้ประกาศขอตรวจค้นเรือ แต่ถูกปฏิเสธและเปิดฉากยิงใส่เรือรบอินเดีย ด้วยอาวุธเบาและจรวดอาร์พีจี ทำให้ฝ่ายอินเดียยิงตอบโต้เพื่อป้องกันตัว จนเรือดังกล่าวระเบิดและจมลง ทั้งนี้ กองทัพเรืออินเดียเผยว่า เรือโจรสลัดที่จม เป็น “เรือแม่” ซึ่งเป็นเรือบัญชาการของกลุ่มโจรสลัด ทำหน้าที่ส่งเรือเร็วขนาดเล็ก เข้าบุกยึดเรือสินค้าต่างๆ

นอกจากนี้ รัฐบาลและกลุ่มเอกชนของต่างชาติ ตอบสนองต่อสถานการณ์โจรสลัดที่เพิ่มทุกขณะ โดยเจ้า หน้าที่ของกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ ผู้ไม่ขอระบุชื่อ เปิดเผยเมื่อ 19 พ.ย. ว่า กระทรวงกลาโหมมีแผนยื่นมติขอความเห็นชอบต่อสภา ในการอนุมัติให้ส่งเรือรบเข้าไปยังน่านน้ำของโซมาเลีย เพื่อปกป้องเรือสินค้า และเส้นทางเดินเรือ ด้านญี่ปุ่นนาย ทาโร เอโสะ นายกรัฐมนตรี กล่าวเสนอให้รัฐบาลเร่งหาวิธีรับมือปัญหาโจรสลัด และ ก่อนหน้านี้ 1 วัน กลุ่มบริษัทขนส่งทางเรือยักษ์ใหญ่ ออดฟ์เจล เอสอี ของนอร์เวย์ สั่งให้เรือบรรทุกน้ำมันมากกว่า 90 ลำ เปลี่ยนเส้นทาง โดยให้ไปอ้อมทวีปแอฟริกา แทนเส้นทางคลองสุเอซที่ผ่านน่านน้ำโซมาเลีย

อย่างไรก็ตาม ผู้บังคับการ เจน แคมเบล กล่าวด้วยว่า การป้องกันปัญหาโจรสลัด ในขณะนี้ยังไม่สามารถทำได้ เนื่องจากในบริเวณอ่าวอาเดน มีเรือสินค้ากว่า 21,000 ลำต่อปี ใช้เส้นทางเดินเรือดังกล่าว ประกอบกับจำนวนเรือรบและเครื่องบินของกองทัพเรือสหรัฐฯ และกองกำลังสนธิสัญญาแอตแลนติคเหนือ (นาโต้) มีไม่เพียงพอ อนึ่ง อ่าวอาเดนในน่านน้ำโซมาเลีย เป็นทางผ่านสู่คลองสุเอซ ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือที่มีความสำคัญต่อการค้าขายระหว่างทวีปยุโรปกับเอเชีย

วันพุธที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ด.ญ.เจาะลิ้น เข็มหลุดแทงลำคอ

ด.ญ.เจาะลิ้นเข็มหลุดแทงโคนลิ้น
สาววัย 14 เด็กแนวเลียนแบบดารานักร้องคนดัง ไปเจาะลิ้นแต่เข็มที่ใส่หมุดเกิดหลุดทิ่มแทงเข้าไปในโคนลิ้น พยายามจะดึงออกแต่เข็มยิ่งมุดเข้าไปลึก ต้องทนทุกข์ทรมานเพราะลิ้นอักเสบจนคับปาก จะกินข้าวกินน้ำทั้งทีแสนลำบาก ครั้งจะไปหาหมอก็ไม่มีเงินเนื่องจากฐานะทางบ้านยากจนเลยทนเจ็บปวดนานเดือนกว่า ผู้ว่าฯ รู้ข่าวลงพื้นที่สั่งให้นำตัวส่ง รพ.ทันที หมอไม่รับปากจะผ่าตัดได้เพราะลิ้นมีเส้นประสาทละเอียดอ่อน กลัวพลาดจะทำให้หมดรู้รสอาหาร เตรียมเรียกแพทย์ประชุมหาทางช่วยเหลือพร้อมยกให้เป็นอุทาหรณ์สอนใจเด็กวัยรุ่น จะทำอะไรให้คิดดี ๆ เสียก่อน

เมื่อวันที่ 17 พ.ย. ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดพิจิตร ได้รับการเปิดเผยจากนายประสิทธิ์ มีช่าง เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ว่า เมื่อช่วงเช้าได้นำตัว ด.ญ.ส้ม (นามสมมุติ) อายุ 14 ปี ไปที่ รพ.พิจิตร เพื่อให้แพทย์ตรวจลิ้น เนื่องจากเจ้าตัวไปเจาะลิ้นมา แล้วเข็มหมุดเกิดหลุดเจาะเข้าไปในโคนลิ้น พอจะดึงออกเข็มยิ่งลงลึกกว่าเดิม ทำให้ขณะนี้ลิ้นเกิดอับเสบจนคับเต็มปาก จะพูด จะกินข้าวหรือน้ำสุดแสนลำบาก

จากการสอบถาม ด.ญ.ส้มทราบว่า ตนเรียนหนังสือถึงชั้น ม.2 จากนั้นไม่ได้เรียนต่อ เพราะฐานะทางบ้านยากจน ประกอบกับสุขภาพร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง เนื่องจากป่วยเป็นโรค ถุงลมโป่งพองจนต้องผ่าตัดปอดทิ้งไปข้างหนึ่ง กระทั่งเมื่อวันที่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมา ตนเห็นเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันไปเจาะหู เจาะคิ้ว เจาะสะดือ เจาะลิ้น เลียนแบบดารานักร้องคนดัง ตนกับเพื่อนเลยเอาแบบอย่างบ้าง โดยตนไปเจาะลิ้นแต่บังเอิญเข็มหมุดเกิดหลุดเจาะเข้าไปในโคนลิ้น ครั้งแรกญาติพยายามช่วยกันดึงออกแต่ดึงเท่าไรก็ไม่ออก แถมยิ่งทำให้เข็มหมุดแทงลึกเข้าไปกว่าเดิม จากนั้นจึงไปที่สาธารณสุขประจำตำบล แต่เจ้าหน้าที่ไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือพร้อมเลยบอกให้ไปรักษาใน รพ.พิจิตร ครั้งแรกตนไปหาหมอและเอกซเรย์ไว้ แต่หลังจากนั้นไม่ได้ไปพบแพทย์ตามที่สั่งเพราะไม่มีเงินค่ารถ จึงปล่อยทิ้งไว้จนลิ้นอักเสบจนบวมใหญ่คับปาก

เด็กแนวจอมซ่าบอกต่อว่า พอวันเดียวกันนี้ขณะที่นายสมชัย หทยะตันติ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ลงพื้นที่เยี่ยมประชาชนใน อ.โพธิ์ประทับช้าง ญาติเลยเข้าไปร้องขอความช่วยเหลือ พอทางผู้ว่าฯ ทราบได้สั่งให้เจ้าหน้าที่พาตนส่ง รพ.พิจิตร ทันที ขณะที่ นพ.ประจักษ์ วัฒนกูล รก.ผอ.รพ.พิจิตร เปิดเผยว่า หลังจากเอกซเรย์พบว่ามีเข็มหมุดอยู่ลึกเข้าไปใน โคนลิ้นจึงนัดให้คนไข้มาหาอีกทีในวันที่ 21 ต.ค. แต่คนไข้ไม่ยอมมาพบแพทย์ กระทั่งผู้ว่าฯทราบเรื่องและช่วยเหลือให้เจ้าหน้าที่นำตัวส่ง รพ.ดังกล่าว

นพ.ประจักษ์บอกต่อว่า ขณะนี้แพทย์ยังไม่รู้จะรักษาอย่างไรดี ครั้นจะดึงออกก็ดึงไม่ได้ พอจะผ่าตัดก็มีความเสี่ยงสูง เพราะลิ้นมีเส้นประสาทที่ละเอียดอ่อนมาก โดยเฉพาะต่อมรู้ รสอาหาร หากผิดพลาดนิดเดียวอาจทำให้ต่อมรู้รสอาหารเสีย ซึ่งจะเรียกแพทย์ที่เกี่ยวข้องมาประชุมหาทางช่วยเหลือต่อไป นอกจากนี้ยังขอให้เป็นกรณีตัวอย่างเตือนใจวัยรุ่นทั้งหลายที่คิดจะเจาะอะไรตามร่างกายขอให้ปรึกษาพ่อแม่หรือผู้ปกครองเสียก่อน หากผิดพลาดไปจะเสียใจภายหลัง.

วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

แจก 4 แสนเล่ม หนังสือรวมภาพพระพี่นางฯ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลาประมาณ 15.00 น. วันนี้ (18 พ.ย.) นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีกำหนดเป็นประธานเปิดนิทรรศการพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ณ บริเวณพระเมรุ ท้องสนามหลวง



ทั้งนี้ นิทรรศการดังกล่าว กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18-30 พ.ย. 2551 เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้ชมความงดงามของพระเมรุ พระที่นั่งทรงธรรม และอาคารประกอบอื่นๆ อย่างใกล้ชิด ในขณะเดียวกันจะมีการให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับคติความเชื่อในการจัดสร้างพระเมรุด้วย



วันเดียวกัน นายอภินันท์ โปษยานนท์ ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (สคร.) กระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า ตามที่ สศร. ได้จัดทำโครงการศิลปกรรม พระประวัติ และพระกรณียกิจในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ จำนวนทั้งหมด 84 ภาพ ขณะนี้ สศร. ได้นำผลงานดังกล่าว ไปติดตั้งสำหรับจัดแสดงในส่วนหนึ่งของนิทรรศการฯ บริเวณพระเมรุเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้ประชาชนได้รับชมผลงานของศิลปินที่สร้างถวายแด่สมเด็จพระพี่นางเธอฯ



ผอ.สคร. กล่าวต่อว่า จะเปิดให้ประชาชนเข้าชมนิทรรศการฯ ตั้งแต่เวลา 10.00 น. – 21.00 น. นอกจากนั้น สคร. ยังได้จัดพิมพ์หนังสือรวบรวมภาพทั้งหมดเบื้องต้นจำนวน 400,000 เล่น สำหรับแจกจ่ายประชาชนฟรีด้วย และพร้อมจะจัดพิมพ์เพิ่มเติมให้เพียงพอกับความต้องการของประชาชน อย่างไรก็ตาม ภายหลังการจัดแสดงภาพทั้งหมดที่พระเมรุแล้ว จะมีการนำไปจัดแสดงในส่วนภูมิภาค แต่ยังไม่ได้กำหนดสถานที่



นายอภินันท์ ยังกล่าวถึงภาพรวมของนิทรรศการฯ ว่า จะเปิดโอกาสให้ประชาชนถ่ายภาพของพระเมรุ รวมทั้งพระที่นั่งทรงธรรม และอาคารประกอบอื่นๆ ทุกมุม โดยตลอดเวลาจะมีการเปิดไฟส่องสว่างเช่นเดียวกับระหว่างพระราชพิธี อย่างไรก็ตาม ต้องขอความกรุณาประชาชนอย่างแตะต้องพระเมรุ เนื้องานต่างๆ และผลงานจิตกรรมที่นำมาจัดแสดง

วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ไฟช๊อตทวงหนี้2สาว แถมจะข่มขืนซ้ำ

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 16 พ.ย. พ.ต.ต.ธนากร เลิศพรเจริญ สว.สส.สน.โชคชัย รับแจ้งเหตุทำร้ายร่างกายหญิงสาวที่ธนาภาอพาร์ตเมนต์ ซอยสังคม 1 ถนนโชคชัย 4 แยก 6 แขวงและเขตวังทองหลาง กทม. จึงรุดไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุอยู่ภายในห้อง 316 ชั้น 3 พบชายฉกรรจ์ 1 คน ทราบชื่อต่อมาคือนายพีรัชณ์ หรือพี สมุทรโชติช่วง อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 33/20 หมู่ 6 แขวงและเขตลาดพร้าว กทม. กำลังใช้เครื่องช็อตไฟฟ้าจี้ที่ลำตัวผู้หญิง 2 คน ที่วิ่งหลบหนีไปมาอยู่ในห้อง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าระงับเหตุ และจับกุมนายพีรัชณ์มาสอบปากคำที่ สน.โชคชัย พร้อม 2 สาวคู่กรณี


จากการสอบสวนหญิงสาวทั้งคู่ทราบชื่อว่า น.ส. ยุวดี ขวางลำ อายุ 27 ปี และ น.ส.ประภาศิริ หินสูงเนิน อายุ 29 ปี ทำงานอยู่ในสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ย่านโชคชัย 4 โดยเช่าห้องพักที่เกิดเหตุร่วมกัน ส่วนสาเหตุที่ถูกทำร้าย เพราะไปร่วมกู้เงินนอกระบบจากนายพีรัชณ์ 1 แสนบาท คิดดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อเดือน ช่วงหลังเศรษฐกิจไม่ดี ไม่มีเงินจ่าย จึงหลีกลี้หนีหน้ามาตลอด กระทั่งนายพีรัชณ์บุกมาทวงเงินที่ติดค้างชำระอยู่ถึงห้องพัก แต่พวกตนยังไม่มีให้จึงถูกนายพีรัชณ์ใช้เครื่องช็อตไฟฟ้าจี้ตามร่างกาย รวมทั้งใช้กำลังเตะต่อยทุบขา และแขนจนบวมช้ำ อีกทั้งยังพยายามปลุกปล้ำข่มขืนพวกตน อ้างเป็นการขัดดอก แต่ตำรวจเข้ามาช่วยไว้ทัน


ด้านนายพีรัชณ์อ้างว่า เป็นกรรมการตัดสินฟุตบอลของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย โดยเป็นลูกน้อง เสธ.ทหารชื่อดังผู้หนึ่ง และยังเป็นลูกพี่ลูกน้องกับ พ.ต.ท.ภูมินทร์ สิงหสุต รอง ผกก.ป.สภ.สำโรงเหนือด้วย ทั้งนี้นายพีรัชณ์รับสารภาพว่าทำร้ายร่างกายหญิงสาวทั้งคู่จริง เพราะโมโหที่คู่กรณีทั้งคู่ยืมเงินจากตนซึ่งเป็นของนายทุนผู้หนึ่งแล้วหลบหนีไป เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาทำร้ายร่างกาย หน่วงเหนี่ยวกักขัง บุกรุก และปล่อยเงินกู้คิดดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนด นำส่ง ร.ต.ท.สิทธิชัย บริสุทธิ์ พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.โชคชัย ดำเนินคดี


สำหรับนายพีรัชณ์เป็นอาจารย์ส่วนงานกีฬาและนันทนาการ ของมหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต รวมทั้งเป็นผู้ฝึกสอนทีมฟุตบอลของมหาวิทยาลัยด้วย ขณะที่ พ.ต.ท.ภูมินทร์ สิงหสุต รอง ผกก.ป.สภ.สำโรงเหนือ กล่าวยอมรับว่ามีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับนายพีรัชณ์จริง แต่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ขอให้พนักงานสอบสวนดำเนินการไปตามกฎหมาย

วันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

พระราชพิธีเก็บพระอัฐิ




เมื่อเวลา ๐๘.๐๐ น. วันนี้(๑๖ พ.ย.) ณ พระเมรุ ท้องสนามหลวง ตามหมายกำหนดการพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาชราชนครินทร์ เจ้าพนักงานถวายภัตตาหารพระพิธีกรรมที่สวดพระอภิธรรมประจำซ่าง เจ้าพนักงานภูษามาลาประมวลพระอัฐิ พระสรีรางคาร ถวายคลุมไว้

ในเวลาต่อมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ มายังพระที่นั่งทรงธรรม โดยรถยนต์พระที่นั่ง พร้อมด้วย พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ โดยมีสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาสิริวัฒนาพรรณวดี พระบรมวงศานุวงศ์ พร้อมด้วยท่านผู้หญิงทัศนาวลัย ศรสงคราม พระธิดาในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และครอบครัว ตลอดจนเหล่าข้าราชการ รอรับเสด็จ

โดยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จขึ้นพระเมรุ (ในขณะนี้เจ้าพนักงานภูษามาลาเปิดผ้าตาดที่ถวายคลุมพระอัฐิ) ทรงจุดธูปเทียนถวายราชสักการะพระอัฐิ ถวายสรงพระอัฐิด้วยน้ำพระสุคนธ์ทั่วแล้วเจ้าพนักงานภูษามาลาถวายผ้าตาดคลุมพระอัฐิ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยสำหรับพระอัฐิบูชาพระสงฆ์ ทรงทอดผ้าไตรสามหาบ พระสงฆ์ขึ้นสดับปกรณ์ครบ ๖ รูปแล้ว เจ้าพนักงานภูษามาลาเปิดผ้าคลุมพระอัฐิ ทรงเก็บพระอัฐิ สรงพระสุคนธ์ เชิญลงในพระโกศทองคำลงยาประดับเพชร โปรดเกล้าฯ ให้ เจ้าพนักงานภูษามาลาเชิญพระโกศพระอัฐิลงจากพระเมรุไปยังพระที่นั่งทรงธรรม เสด็จฯ ตาม ประทับที่อาสนสงฆ์

เจ้าพนักงานภูษามาลาเชิญพระโกศพระอัฐิ ประดิษฐานในบุษบกเหนือพระแท่นแว่นฟ้า สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะพระอัฐิ แล้วทรงประเคนโตกสำรับภัตตาหารสามหาบแด่พระสงฆ์ ๖ รูป

พระสงฆ์สามหาบ ฉันเสร็จแล้ว สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ถวายเครื่องสังเค็ดงานพระราชทานเพลิงพระศพแด่พระสงฆ์ ๓๐ รูป ขึ้นนั่งยังอาสนสงฆ์ สวดมาติกา ทรงทอดผ้าไตรถวายพระสงฆ์ สดับปกรณ์พระอัฐิ ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก กลับ

ลำดับถัดมา บริเวณหน้าที่นั่งทรงธรรม มีการตั้งขบวนพระอิสริยยศ เชิญพระโกศพระอัฐิ และพระสรีรางคารเข้าสู่พระบรมมหาราชวัง โดยริ้วขบวนที่ ๔ อัญเชิญพระโกศพระอัฐิโดยพระที่นั่งราเชนทรยาน และพระสรีรางคารโดยพระวอสีวิกากาญจน์.