วันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

พสกนิกร รับเสด็จฯ ในหลวง-ราชินีบำเพ็ญพระราชกุศล

พสกนิกร รับเสด็จฯ ในหลวง-ราชินีบำเพ็ญพระราชกุศล
ออกพระเมรุพระศพพระพี่นางฯในพระราชพิธีครั้งประวัติศาสตร์

พระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลออกพระเมรุพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ พร้อมสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ในพระพิธี เผย พระพรหมเวที ถวายพระธรรมเทศนาในบทศราทธพรตคาถา เทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯทรงสั่งสมอบรมอยู่ในความไม่ประมาท ทำให้พระองค์ทรงปฏิบัติพระกรณียกิจได้สมบูรณ์ ขณะที่พสกนิกรแต่งกายชุดดำ-ขาวเฝ้าฯ รับเสด็จ แน่นขนัด

ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง เมื่อเวลา 17.55 น. วันที่ 14 พ.ย. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ โดยรถยนต์พระที่นั่งจากพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิตพร้อมด้วยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ไปยังพระบรมมหาราชวัง ในพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลออกพระเมรุพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เข้าทางประตูวิเศษไชยศรีและประตูพิมานไชยศรี

หลังจากนั้นรถยนต์พระที่นั่งเทียบที่ประตูกำแพงแก้ว ในเวลา 17.58 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทผ่านพระบรมวงศานุวงศ์ ที่เฝ้าฯ ไปยัง ที่ประดิษฐานพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะและเครื่องทองน้อยสักการะ ทรงกราบ จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชา พระพุทธรูปประจำพระชนมวารของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ ที่หน้าพระแท่นราชบัลลังก์นพปฎลมหาเศวตฉัตรแล้ว

จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯ ไปทรงถวาย พัดรองที่ระลึกงานออกพระเมรุพระศพฯ แด่สมเด็จพระพุฒาจารย์ ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช สมเด็จพระราชาคณะ และพระพรหมเวที วัดไตรมิตรวิทยาราม กรุงเทพฯ พระราชาคณะที่ถวายพระธรรมเทศนาและพระราชาคณะที่สวดศราทธพรต 30 รูป พระสงฆ์ที่จะสดับปกรณ์ 84 รูปเท่าพระชันษา สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ บรรพชิตจีนและญวน 20 รูป

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรง จุดธูปเทียนดูหนังสือเทศน์พระราชทานให้เจ้าพนักงานพระราชพิธีเชิญไปตั้งที่ธรรมาสน์ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทรงธรรม และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯ ไปทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย ที่หน้าพระโกศพระศพสำหรับพระศพทรงธรรมและทรงศีลโดยมีพระพรหมเวที วัดไตรมิตรวิทยาราม ถวายศีลและถวายพระธรรมเทศนาในบท “ศราทธพรตคาถา” แล้วพระสงฆ์ 30 รูป สวดศราทธพรตจบ

ต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมบูชากัณฑ์เทศน์ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารเสด็จฯ ไปทรงทอดผ้าไตรถวายพระพรหมเวที และพระสงฆ์ที่สวดศราทธพรต 30 รูป สดับปกรณ์ พระสงฆ์ทั้งนั้นถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลาแล้วพนักงานนิมนต์พระสงฆ์ 84 รูปเท่าพระชันษา ขึ้นนั่งอาสนสงฆ์ สวดมาติกาจบ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯ ไปทรงทอดผ้าไตรและย่ามที่ระลึกงานพระราชทานเพลิงพระศพ พระสงฆ์ 84 รูปสดับปกรณ์ ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลาแล้วบรรพชิตจีนและญวน 20 รูป ขึ้นนั่งยังอาสนสงฆ์ สวดมาติกา จบแล้ว ต่อด้วยทรงทอดผ้าไตรและย่ามที่ระลึกงานพระราชทานเพลิงพระศพ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงหลั่งทักษิโณทก บรรพชิตจีนและญวน สดับปกรณ์ ถวายอนุโมทนา ถวายพระพรลา

ต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯ ไปที่แท่นเพดานเบญจาพระพิธีธรรมตั้งอยู่ด้านตะวันออกและตะวันตก ณ มุขกระสัน ทรงจุดธูปเทียน เครื่องบูชากระบะมุกที่หน้าพระแท่นพระสวดอภิธรรม พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมจนถึงเวลา 24 นาฬิกา รุ่งขึ้นรับพระราชทานฉันและชาวพนักงานประโคมสังข์ แตรงอน แตรฝรั่ง ปี่ กลองชนะ ประจำยามตามราชประเพณี จากนั้นเสด็จพระราชดำเนินกลับในเวลา 20.50 น.

สำหรับบทพระธรรมเทศนา โดยพระพรหมเวที วัดไตรมิตรวิทยาราม มีใจความสำคัญว่า สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ ทรงบำเพ็ญพระกรณียกิจที่สำคัญนานัปการที่เป็นประโยชน์ต่อพสกนิกรและพระพุทธศาสนาด้วยพระวิริยะอุตสาหะสูงยิ่ง สำหรับศราทธพรตคาถาที่อัญเชิญมาเป็นนิกเขปบทแห่งเทศนานี้ว่า อปปมตโต อุโภ อตเถ อธคณหาติ ปณฑิโต เป็นอาทิความว่า ผู้รู้ไม่ประมาทแล้วสามารถยึดประโยชน์ในปัจจุบันและประโยชน์ในโลกหน้าทั้งสองได้และเพราะยึดประโยชน์ทั้งสองอย่างไว้ได้จึงเรียกว่าเป็นบัณฑิตดังนี้

ความไม่ประมาท ในศราทธพรตคาถานี้ หมายถึงความมีสติ ระลึกได้ก่อนจะทำจะพูดจะคิด มีความรู้สึกนึกคิดในการสร้างคุณความดี ในการสร้างสิ่งที่เป็นคุณ สิ่งที่เป็นประโยชน์เป็นคุณธรรมฝ่ายดีที่จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีในกิจการทุก ๆ อย่าง เพราะเป็นคุณธรรมที่ช่วยอำนวยให้สัมฤทธิ์ได้ทั้งทางโลกทางธรรม ในทางโลกถ้าไม่ประมาทในทรัพย์สินจะเกิดความมั่นคง ถ้าไม่ประมาทในชีวิตทำให้รู้จักรักษาสุขภาพ ถ้าไม่ประมาททางการศึกษาจะสำเร็จได้ตามที่มุ่งหวัง ถ้าไม่ประมาทในการทำงานก็จะทำให้รุ่งเรือง

สำหรับทางธรรมนั้นผู้ที่มุ่งประกอบความดีด้วยการถวายทานรักษาศีลและเจริญจิตตภาวนา เมื่อสมบูรณ์ด้วยความไม่ประมาทแล้วการ ประพฤติปฏิบัติธรรมนั้น ๆ ดำเนินไปโดยชอบ ความไม่ประมาทเป็นคุณธรรมที่มีคุณานิสงค์อเนก อนันต์ ซึ่งสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ ทรงสั่งสม อบรมอยู่ในพระคุณธรรมทำให้พระองค์ทรงบำเพ็ญพระกรณียกิจที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติจำนวนมาก แม้ว่าพระองค์จะสิ้นพระชนม์ไปแล้วแต่พระเกียรติคุณที่ทรงบำเพ็ญไว้ยังคงอยู่ตลอดไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพัดรองที่ระลึก ผ้ากราบและย่ามสีดำที่ระลึกฯ ถวายพระเทศน์ 1 รูป พระสวดศราทธพรต 30 รูป และบรรพชิตจีนและญวน 20 รูป พระสงฆ์สดับปกรณ์ 84 รูป พระพิธีธรรม 8 รูป รวม 143 ชุด และจัดถวายพระพิธีธรรม 10 วัด ได้แก่ วัดบวรนิเวศวิหาร วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม วัดราชสิทธาราม วัดระฆังโฆสิตาราม วัดอนงคาราม วัดประยุรวงศาวาส วัดสระเกศวรวิหาร วัดจักรวรรดิราชาวาส วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ และวัดสุทัศนเทพวราราม ส่วนพัดรองที่ระลึก สีดำ ไม่มีย่ามและผ้ากราบ ทำถวายพระอารามหลวง 16 วัด ในวันที่ 17 พ.ย. 51 พระราชกุศลพระอัฐิ พัดรองที่ระลึก ผ้ากราบและย่ามสีแดง ถวายพระสวดพระพุทธมนต์ 30 รูป พระเทศน์ 1 รูป พระรับอนุโมทนา 4 รูป และพระสดับปกรณ์ 10 รูป รวม 45 ชุด

สำหรับพัดรองที่ระลึก ประกอบด้วยตราประจำพระองค์เป็นอักษรพระนาม ก.ว. ภายใต้พระเกี้ยว หมายถึงสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ อักษรพระนามปักไหมสีทองบนพื้นสีฟ้า, พระเกี้ยวปักดิ้นทอง ผสมเลื่อม, พระสัปตปฎลเศวตฉัตรหมายถึงพระอิสริยยศที่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ ได้รับพระราชทาน ฉัตรปักไหมสีขาว, ขอบระบายฉัตร อุบะและยอดปักไหมสีทอง สายสร้อยห้อยดวงตรามหาจักรีหมายถึงสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ เป็นพระบรมวงศ์ในมหาจักรีบรมราชวงศ์ ซึ่งสายสร้อยและตรามหาจักรีปักไหมสลับตามสี

ฉัตร 5 ชั้นเป็นเครื่องประกอบพระราชอิสริยยศ ฉัตรปักด้วยไหมสีขาวส่วนขอบระบายยอด ริบบิ้น ปักไหมสีทอง, ขอบระบาย ยอด ริบบิ้นปักไหมสีเหลือง และสายดอกไม้ปักดิ้นสลับไหม สำหรับพื้นกำมะหยี่ดำขอบกุ๊นผ้าสีแดง ใช้ในการพระราชพิธีออกพระเมรุและพื้นกำมะหยี่แดงขอบกุ๊นผ้าสีดำหรือน้ำเงินเข้มใช้ในงานพระราชกุศลพระอัฐิ

สำหรับบรรยากาศภายในพระบรมมหาราชวัง ในบริเวณสนามหญ้าหน้าศาลาสหทัยสมาคม มีประชาชนแต่งกายไว้ทุกข์สีดำจำนวนมากเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระ บรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระ องค์ที่เสด็จฯ โดยระหว่างที่รอเฝ้าฯ รับเสด็จนั้น สำนักพระราชวังได้เปิดเพลงพญาโศกซึ่งเป็นบทเพลงที่ใช้ประกอบการเดินริ้วขบวนพระอิสริยยศคลอเบา ๆ.

วันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

รายชื่อวัดที่ถวายดอกไม้จันทน์ งานพระราชทาน เพลิงพระศพพระพี่นางฯ


รายชื่อวัดและสถานที่ถวายดอกไม้จันทน์ภาคประชาชนทั่วประเทศในงานพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวง


นายสด แดงเอียด อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวถึงรายชื่อวัดและสถานที่ถวายดอกไม้จันทน์ภาคประชาชนทั่วประเทศในงานพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์

นายสด กล่าวว่า พื้นที่ที่จัดให้ประชาชนได้ถวายดอกไม้จันทน์นั้น ในเขตกรุงเทพมหานครมีทั้งหมด 46 แห่ง ได้แก่ วัดคลองเตยใน เขตคลองเตย วัดอนงคารามวรวิหาร เขตคลองสาน วัดคู้บอน เขตคลองสามวา วัดบุญศรีมุนีกรณ์ เขตคันนายาว วัดเสมียนนารี เขตจตุจักร วัดราชโอรสารามราชวรวิหาร เขตจอมทอง วัดดอนเมือง เขตดอนเมือง วัดพรหมวงศาราม เขตดินแดง วัดรัชฎาธิษฐาน เขตตลิ่งชัน วัดปุรณาวาส เขตทวีวัฒนา วัดทุ่งครุ เขตทุ่งครุ วัดเวฬุราชิณวรวิหาร เขตธนบุรี วัดเจ้าอาม เขตบางกอกน้อย วัดท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ วัดเทพลีลา เขตบางกะปิ วัดเลา เขตบางขุนเทียน วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร เขตบางเขน วัดราชสิงขร เขตบางคอแหลม วัดมัชฌันติการาม เขตบางซื่อ

วัดบุณยประดิษฐ์ เขตบางแค วัดบางนาใน เขตบางนา วัดนินสุขาราม เขตบางบอน วัดวิมุตยาราม เขตบางพลัด วัดมหาพฤฒาราม เขตบางรัก วัดนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม วัดปทุมวนาราม เขตปทุมวัน วัดกระทุ่มเสือปลา เขตประเวศ วัดไผ่ตัน เขตพญาไท วัดวชิรธรรมสาธิตวรวิหาร เขตพระโขนง วัดจันทร์ประดิษฐาราม เขตภาษีเจริญ วัดบำเพ็ญเหนือ เขตมีนบุรี วัดปริวาส เขตยานนาวา วัดดิสหงสาราม เขตราชเทวี วัดราษฎร์บูรณะ เขตราษฎร์บูรณะ วัดสุทธาโภชน์ เขตลาดกระบัง วัดสาครสุ่นประชาสรรค์ เขตลาดพร้าว วัดบึงทองหลาง เขตวังทองหลาง วัดธาตุทอง เขตวัฒนา วัดยาง เขตสวนหลวง วัดราชโยธา เขตสะพานสูง วัดยานนาวา เขตสาทร วัดอยู่ดีบำรุงธรรม เขตสายไหม วัดอุดมรังสี เขตหนองแขม วัดหนองจอก เขตหนองจอก วัดหลักสี่ เขตหลักสี่ วัดอุทัยธาราม เขตห้วยขวาง

ขณะที่ในส่วนภูมิภาคทั้ง 75 จังหวัด จังหวัดจัดสถานที่ให้ประชาชนได้ถวายดอกไม้จันทน์ตามวัดหลักในเขต อ.เมือง ดังนี้ วัดแก้วโกรการาม จ.กระบี่ วัดไชยชุมพลชนะสงคราม จ.กาญจนบุรี วัดประชานิยม จ.กาฬสินธุ์ หน้าที่ว่าการอำเภอเมือง จ.กำแพงเพชร วัดหนองแวง จ.ขอนแก่น วัดไผ่ล้อมจ.จันทบุรี วัดปิตุลาธิราชสังสฤษฎิ์ จ.ฉะเชิงเทรา วัดเขาบางทราย จ.ชลบุรี วัดศรีวิชัยวัฒนาราม จ.ชัยนาท วัดทรงศิลา จ.ชัยภูมิ วัดชุมพรรังสรรค์ จ.ชุมพร วัดสวนดอก จ.เชียงใหม่ ศาลากลางจังหวัดเชียงราย วัดกะพังสุรินทร์ จ.ตรัง วัดไผ่ล้อม จ.ตราด วัดเขาแก้ว จ.ตาก วัดอุดมธานี จ.นครนายก วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.นครศรีธรรมราช หน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา วัดนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ วัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร จ.นนทบุรี วัดพระธาตช้างค้ำ จ.น่าน วัดกลาง จ.บุรีรัมย์ วัดเสด็จ จ.ปทุมธานี วัดเสด็จ จ.ประจวบคีรีขันธ์ วัดคลองวาฬ จ.ปราจีนบุรี วัดนิกรชนาราม จ.ปัตตานี

วัดพนัญเชิงวรวิหาร จ.พระนครศรีอยุธยา วัดศรีโคมคำ จ.พะเยา วัดประพาสประจิมเขต (วัดถ้ำพุงช้าง) จ.พังงา วัดคูหาสวรรค์ จ.พัทลุง วัดท่าหลวง จ.พิจิตร วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรวิหาร (วัดใหญ่) จ.พิษณุโลก วัดคงคารามวรวิหาร จ.เพชรบุรี วัดมหาธาตุ จ.เพชรบูรณ์ วัดพระธาตุช่อแฮ จ.แพร่ วัดคูหาสวรรค์ จ.พัทลุง วัดวิชิตสังฆาราม จ.ภูเก็ต วัดมหาชัย จ.มหาสารคาม วัดป่าศิลาวิเวก จ.มุกดาหาร วัดจองคำ จ.แม่ฮ่องสอน วัดศรีธรรมาราม จ.ยโสธร วัดพุทธภูมิ จ.ยะลา วัดบึงพระลานชัยจ.ร้อยเอ็ด วัดสุวรรณคีรีวิหาร จ.ระนอง วัดป่าประดู่ จ.ระยอง วัดมหาธาตุวรวิหาร จ.ราชบุรี วัดเสาธงทอง จ.ลพบุรี วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม จ.ลำปาง

วัดพระธาตุหริภุญไชยวรมหาวิหาร จ.ลำพูน วัดศรีสุธาวาส จ.เลย วัดมหาพุทธาราม จ.ศรีสะเกษ วัดป่าสุทธาวาส จ.สกลนคร วัดแหลมทราย จ.สงขลา วัดชนาธิปเฉลิม จ.สตูล ศาลากลางจังหวัดสมุทรปราการ วัดเพชรสมุทรวรวิหาร จ.สมุทรสงคราม วัดเจษฎาราม จ.สมุทรสาคร วัดสระแก้ว จ.สระแก้ว วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี วัดหนองโว้ง จ.สุโขทัย วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร จ.สุพรรณบุรี วัดกลางใหม่ จ.สุราษฎร์ธานี วัดศาลาลอย จ.สุรินทร์ วัดโพธิ์ชัย จ.หนองคาย วัดพิศาลอัญญาวาส จ.หนองบัวลำภู

วัดอ่างทองวรวิหาร จ.อ่างทอง วัดสำราญนิเวศ จ.อำนาจเจริญ สนามทุ่งศรีเมือง จ.อุดรธานี วัดคลองโพธิ์ จ.อุตรดิตถ์ วัดมณีสถิตกุฏิฐาราม (วัดทุ่งแก้ว) จ.อุทัยธานี วัดสุปัฐนารามวรวิหาร จ.อุบลราชธานี นอกจากนี้แต่ละจังหวัดยังได้กระจายพื้นที่การถวายดอกไม้จันทน์ตามอำเภอต่างๆ ซึ่งจังหวัดจะแจ้งให้ประชาชนได้รับทราบว่ามีพื้นที่ใดบ้าง ส่วนขั้นตอนการประกอบพิธีให้ยึดตามพระราชพิธีในส่วนกลางจากการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์เป็นเกณฑ์ เพื่อให้การจัดพิธีเป็นขั้นตอนสมพระเกียรติที่สุด

วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

จับเสือโคร่งหลุดกรงได้แล้ว

เมื่อ เวลา 11.30 น. วันที่ 11 พ.ย. นายวินันท์ วิระนะ หัวหน้าสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาสน ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ได้รับแจ้งว่าพบ “เจ้าศิลาทอง” เสือโคร่งเพศผู้ อายุ 20 ปี ที่หลุดออกจากกรงเลี้ยงไปเมื่อวันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา และทำร้ายคนเลี้ยงได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย กำลังเดินอยู่ในหุบเขาด้านหลัง ห่างจากกรงเลี้ยงประมาณ 500 เมตร โดยเจ้าหน้าที่พยายามบีบพื้นที่ ด้วยการนำรั้วตาข่ายมาขึงไว้เพื่อให้เจ้าศิลาทองลงมากินอาหารที่วางล่อไว้ในกรง แต่เจ้าศิลาทองไม่ยอมลงมากิน สุดท้ายจึงตัดสินใจใช้กำลังเจ้าหน้าที่กว่า 50 นาย แบ่งเป็นชุด ๆ พยายามเข้าไปใกล้ในระยะที่สามารถยิงลูกดอกยาสลบได้ จนกระทั่งสามารถยิงยาสลบแล้วควบคุมตัวเสือโคร่งไว้ได้ในสภาพร่างกายอิดโรยและซูบผอม เนื่องจากอาจกินอาหารได้ไม่เต็มที่เพราะพื้นที่ถูกจำกัด ทางสัตวแพทย์ต้องรีบให้น้ำเกลือและวิตามินกับเจ้าศิลาทองเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น.

วันพุธที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

บุกซัลโวนศ.อุเทน พลาดโดนจุฬา-ตอ

เวลา 16.00 น. วันที่ 11 พ.ย. ร.ต.ท.ณรงค์ชัย เสนาพรหม พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.ปทุมวัน รับแจ้งเหตุยิงกันมีผู้ได้รับบาดเจ็บบริเวณริมถนนพญาไท หน้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตตะวันออกอุเทนถวาย ใกล้แยกจุฬาซอย 12 แขวงและเขตปทุมวัน กทม. จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น แล้วรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง




ที่เกิดเหตุพบเพียงกองเลือด และปลอกกระสุน .38 ซุปเปอร์ ตกอยู่หลายปลอก ส่วนผู้บาดเจ็บ มีพลเมืองดีนำ ส่ง รพ.จุฬาฯ ทราบชื่อ น.ส.ณัชชา อมรรัตนเจริญ อายุ 20 ปี นิสิตคณะเภสัชศาสตร์ ปี 2 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถูกยิงเฉี่ยวสีข้างด้านซ้าย 1 นัด น.ส.วนัสนันทน์ สุขุมาลพันธ์ อายุ 15 ปี นักเรียนชั้น ม.4 ร.ร.เตรียมอุดมศึกษา มีบาดแผลข้อเท้าซ้ายถลอก ส่วน น.ส.กฤตพร ประภัศร อายุ 15 ปี นักเรียนชั้น ม.4 ร.ร.เตรียมอุดมศึกษา ถูกยิงเข้าที่ต้นขาซ้ายกระดูกแตกกระสุนฝังใน อีกรายถูกนำส่ง รพ.ตำรวจ ทราบชื่อ น.ส.คุณงาม บุญยโตพันธ์ อายุ 15 ปี เพื่อนนักเรียนชั้นเดียวกันบาดเจ็บเล็กน้อย




นายรุ่งเรือง เรืองรอง อายุ 40 ปี พยานที่เห็นเหตุการณ์เล่ารายละเอียดว่า กำลังขับรถกลับบ้านพักมาติดสัญญาณไฟแดงอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ ระหว่างที่มีสัญญาณไฟเขียวรถได้เคลื่อนตัวออกจึงสังเกตเห็นชาย 2 คนขี่ รถ จยย. ไปจอดตรงหน้าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากนั้นคนซ้อนท้ายสวมเสื้อแจ็กเกตสีดำ กางเกงยีนส์ หมวกกันน็อกแบบครึ่งใบ ได้เดินลงมาชักปืนยิงเข้าไปในรั้วมหาวิทยาลัย ที่ขณะนั้นมีนักศึกษาอุเทนถวายอยู่ด้วย แต่กระสุนพลาดไปโดนนักเรียนเตรียมอุดมศึกษา และนิสิตสาวจุฬาฯ ที่เดินผ่านมาพอดี




ด้าน ส.ต.อ.วิรัช มหัทธนวิบูล ผบ.หมู่ จร.สน. ปทุมวัน ปฏิบัติงานอยู่ภายในป้อมจราจรใกล้ที่เกิดเหตุเปิดเผยว่า ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด และมียินเสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือ เมื่อหันไปดูพบเด็กนักเรียนโดนยิง จึงเรียกพลเมืองดีช่วยกันอุ้มมาที่ป้อมเพื่อปฐมพยาบาลเบื้องต้น ส่วนมือปืนนั่งซ้อนท้าย จยย.ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่นโซนิค สีดำ ทะเบียน มอก 427 กรุงเทพมหานคร หนีมุ่งหน้าไปทางสามย่าน ตำรวจออกวิทยุสกัดจับ แต่ไร้วี่แวว คาดว่าจะเป็นนักศึกษาคู่อริต่างสถาบันตามมาดักยิงระบายแค้น ฝ่ายสืบสวนอยู่ระหว่างติดตามตัวมาดำเนินคดี

วันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

เผลอใส่เกียร์ถอยหลัง ชนเมียสยอง ลูกลอด

ใส่เกียร์เผลอสตาร์ทรถพุ่งพรวดเร่งซ้ำ-ชนเมียสยอง
ทะลุยผนังบ้านอัดก๊อปปี้ตายคร่อมร่างลูก-รอดปาฏิหาริย์

ผัวขี้ลืมฆาตกรรมเมียรักโดยไม่ได้ตั้งใจถอยรถสปอร์ตไรเดอร์คู่ใจออกมาล้างทำความสะอาดหน้าบ้าน เสร็จสรรพจะขับเข้าไปจอดในบ้านเหมือนเดิมพอสตาร์ทปุ๊บรถพุ่งพรวด เพราะดันลืมไปว่าใส่เกียร์ไว้เท่านั้นยังไม่พอแทนที่จะเหยียบเบรกกลับตกใจไปเหยียบคันเร่งรถเลยพุ่งทะลุผนังบ้านชนเมียอัดก๊อบปี้กับห้องน้ำตายอนาถ ขณะที่ลูกชาย 13 ปี รถขับคร่อมร่างรอดปาฏิหาริย์

เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 9 พ.ย. พ.ต.ต.วินัย ตระกูลไทย สารวัตรเวร สภ.บ้านบึง จ.ชลบุรี รับแจ้งอุบัติเหตุรถชนคนได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะนี้ถูกนำส่งไปรักษาตัวที่ รพ.บ้านบึงแล้ว หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบที่รพ. พบว่าผู้บาดเจ็บได้เสียชีวิตลงแล้ว ทราบชื่อต่อมาว่า นาง สุนีย์ ปิ่นทองคำ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 27/2 หมู่ 4 ต.บ้านบึง สภาพศพคอหัก กระดูกหักทั่วร่าง และศีรษะแตกเป็นแผลฉกรรจ์ โดยมี นายสุรพล สุขเจริญ อายุ 44 ปี ผู้เป็นสามี กอดศพร่ำไห้อย่างน่าเวทนา นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 รายคือ ด.ช.เฉลิมพร สุขเจริญ อายุ 13 ปี บุตรชายผู้ตาย ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยที่มือขวา

จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุขณะที่นายสุรพลและนางสุนีย์ สองสามีภรรยา ซึ่งทำงานอยู่ที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งใน อ.บ้านบึง ได้พักผ่อนอยู่บ้านเนื่องจากเป็นวันหยุด นายสุรพลได้ถอยรถโตโยต้า รุ่นสปอร์ตไรเดอร์ สีเขียวอ่อน หมายเลขทะเบียน กต 8039 ชลบุรี ซึ่งเป็นรถเกียร์ธรรมดา ออกมาจอดหน้าบ้านเพื่อล้างทำความสะอาด โดยได้ใส่เกียร์ไว้ที่ตำแหน่งเกียร์ 1 เพื่อป้องกันไม่ให้รถเคลื่อน

พอเสร็จสรรพเรียบร้อยนายสุรพลก็จะขับรถเข้าไปจอดในบ้านเหมือนเดิม ทันทีที่นาย สุรพลสตาร์ตเครื่อง โดยลืมไปว่าได้ใส่เกียร์ไว้ รถจึงพุ่งไปข้างหน้าอย่างแรงทันที ด้วยความตกใจแทนที่นายสุรพลจะเหยียบเบรกกลับไปเหยียบคันเร่ง ทำให้รถพุ่งพรวดทะลุผนังบ้านเข้าไปชนร่างของนางสุนีย์ ผู้เป็นภรรยา ขณะกำลังยืนดูทีวีอยู่อย่างแรง จนร่างกระเด็นไปอัดก๊อบปี้กับผนังห้องน้ำ ส่งผลให้เสียชีวิตอนาถดังกล่าว

ขณะที่ ด.ช.เฉลิมพร ลูกชาย ซึ่งนอนดูทีวีอยู่รอดตายราวปาฏิหาริย์ เนื่องจากรถขับคร่อมร่างผ่านไปอย่างฉิวเฉียด ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ภายหลังการสอบปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อกล่าวหานายสุรพลว่า ขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต ก่อนควบคุมตัวส่งดำเนินคดีต่อไป.

วันอาทิตย์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

แย่งจีบสาวHi5 นัดเครียร์ 4โจ๋ยิงอริตาย1


เขม่นแย่งจึบสาวในเว็บดัง ไฮไฟว์
4 โจ๋ยิงอริตาย-เจ็บ ตร.ตามรวบยกชุด

เขม่นแย่งจีบสาวกันใน"ไฮไฟว์"แชตท้าดวลปืน ถึงเวลานัดหมายกลุ่มมือปืนไม่มา แต่แอบขับรถเก๋งตามหลัง สบโอกาสชักทูตมรณะซัลโวใส่ไม่ยั้ง ผลดับ 1 เจ็บ 2 ก่อนหลบหนีโปลิศโชว์ฟอร์มเจ๋ง สืบจากเน็ต ตามลากคอ 4 โจ๋โหด ทันควัน

รวบ 4 โจ๋โหดรายนี้เปิดเผยขึ้น เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 8 พ.ย. ที่ห้องประชุม สภ.เมืองพิษณุโลก พล.ต.ท.รชต เย็นทรวง ผบช.ภ.6 พล.ต.ต.ธรรมนูญ เพชรบุรีกุล ผบก. ภ.จว.พิษณุโลก พ.ต.อ.ประเสริฐ กาฬรัตน์ รองผบก. พ.ต.อ.ไพโรจน์ แก้ววัน ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาในคดีฆ่าผู้อื่น มีผู้ต้องหา 4 ราย คือ นายเชน (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี มือปืนที่ก่อเหตุ นายโย (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี นายโก้ (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี และ นายโบน (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี ทั้งหมดเป็นนักเรียนชั้น ม. 5 โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งใน จ.พิษณุโลก พร้อมของกลางรถเก๋งฮอนด้า ซิตี้ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน กค 8181 พิษณุโลก

ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อกลางดึกวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา ผู้ต้องหาทั้งหมดได้ร่วมกันก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิง นายณัฐพงศ์ กาญจนจินดาพล อายุ 16 ปี อยู่บ้านเลขที่ 123/22807 หมู่ 2 ต.อรัญญิก อ.เมืองพิษณุโลก จนเสียชีวิตและมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 2 รายก่อนหลบหนีไป โดยเหตุเกิดที่หน้าร้านบัวคลีเฟอร์นิเจอร์ ถนนธรรมบูชา หมู่ 8 ต.หัวรอ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.พิษณุโลก และชุดสืบสวน สภ.เมือง ร่วมกันสืบสวนจนทราบเบาะแส จากข้อความในโปร แกรมไฮไฟว์ของนายแม๊ก (นามสมมุติ) เพื่อนใน กลุ่มของผู้ตาย โดยผู้ตายได้ติดต่อกับ น.ส.แพท (นามสมมุติ) อยู่ใน จ.สุโขทัย ทางโปรแกรมไฮ ไฟว์ดังกล่าว

ขณะเดียวกัน นายเชน มือปืนที่ก่อเหตุก็ได้ติดต่อกับ น.ส.แพท ด้วยเช่นกัน จนมีการแชตท้าทายและนัดให้มาเคลียร์ปัญหากัน กระทั่งก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายได้โทรศัพท์ไปคุยกับน.ส.แพท โดยนายเชน ก็ได้โทรศัพท์ไปหา น.ส.แพท ด้วย น.ส.แพท จึงได้กดโทรศัพท์แบบประชุมสาย 3 คน เพื่อให้ผู้ตายและมือปืนได้พูดคุยตกลงกัน ทั้งคู่จึงได้มีการท้าทายและนัดหมายไปดวลปืนกันที่หน้าร้านสะดวกซื้อใกล้ที่เกิดเหตุ พอถึงเวลานัดกลุ่มผู้ตายกับเพื่อนได้ขี่รถ จยย.ไปรอที่นัดหมายแต่ไม่พบนายเชน จึง ได้พากันขี่รถกลับบ้านพัก เมื่อมาถึงหน้าร้านบัวคลีเฟอร์นิเจอร์ ได้ถูกนายเชน พร้อมพวกซึ่งขับรถเก๋งฮอนด้า ตามหลังมาใช้อาวุธปืนยิงใส่จนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บดังกล่าว เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่ จึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป.

รุมฆ่าสยอง ตัวประกอบ คนร้ายเป็นชู้เมียน้อย


เมื่อเวลา 00.10 น. คืนวันที่ 8 พ.ย. ร.ต.ท.เรวัตร สิริตื้นลี ร้อยเวร สภ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ รับแจ้งมีเหตุคนถูกฆ่าตายข้างบ้านเลขที่ 164/6 หมู่ 8 ต.สายลำโพง อ.ท่าตะโก จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.มนตรี จินดา ผกก. พ.ต.ท.อาชวิน สิงหะผลิน รอง ผกก.สส.บก.ภ.จ.นครสวรรค์ พ.ต.ต.เจษฎา ถาวรผล สว.สป. นำกำลังรุดไปตรวจสอบ

บริเวณพงหญ้าห่างจากบ้านหลังดังกล่าวประมาณ 50 เมตร พบศพนายถนอม หรือถนอมไชย มิ่งขวัญ อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 51 หมู่ 7 ต.ท่าไม้ อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี นอนหงายจมกองเลือด สภาพศพมีบาดแผลถูกฟันที่ศีรษะเป็นแผลฉกรรจ์รวม 3 แห่งจนหนังศีรษะเปิดมองเห็นกะโหลกขาวโพลน แขนซ้ายถูกฟันหวิดขาดห้อยร่องแร่ง ส่วนแขนขวาถูกสับเป็นแผลเหวอะหวะ 3 แห่ง นิ้วชี้มือขวาถูกตัดขาดกระเด็นตกอยู่ข้างศพ ลำตัวและแผ่นหลังถูกฟันเป็นแผลลึกอีก 3 แห่ง เสียชีวิตมาไม่เกิน 1 ชม. ห่างไปประมาณ 10 เมตร ยังพบรถปิกอัพมิตซูบิชิสตราด้า สีดำ ทะเบียน ณฮ 5069 กรุงเทพมหานคร ของผู้ตายจอดดับเครื่อง กุญแจยังเสียบคาที่ไขสตาร์ตแต่ไม่ได้ปิดล็อกประตู

สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ผู้ตายเป็นคนต่างถิ่นและมีครอบครัวอยู่แล้ว แต่มาได้ น.ส.นุชนาฏริย์ บัวชื่น วัย 18 ปีเป็นภรรยาน้อย มีการจัดขันหมากมาสู่ขอตบแต่งอย่างเป็นทางการเมื่อ 4-5 เดือนก่อน ทุกสัปดาห์จะกลับมาอยู่กับ น.ส.นุชนาฏริย์ที่บ้านเกิดเหตุ ล่าสุดผู้ตายแอบสืบรู้มาว่า น.ส.นุชนาฏริย์ปันใจลอบคบหาอยู่กับนายอนุศรณ์ หรือตู่ บุญชู อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 71/5 หมู่ 6 ต.สายลำโพง อ.ท่าตะโก จึงมาดักซุ่มเฝ้ารอดูอยู่หลายวัน

ก่อนเกิดเหตุผู้ตายเห็นนายอนุศรณ์เดินออกจากบ้านของ น.ส.นุชนาฏริย์ จึงลงจากรถไปเคาะประตูเรียก น.ส.นุชนาฏริย์ให้ออกมาพบ แต่ น.ส.นุชนาฏริย์กลัวไม่ยอมออกมาเปิดประตูรับ ผู้ตายจึงอาละวาดใช้ก้อนหินปาใส่หลังคาบ้าน ฝ่าย น.ส.นุชนาฏริย์รีบโทรศัพท์ไปตามนายอนุศรณ์ให้มาช่วย นายอนุศรณ์จึงพาพวกนับสิบคนพร้อมอาวุธมีดครบมือบุกมารุมทำร้ายนายถนอมหรือถนอมไชยที่พยายามวิ่งหนีเอาตัวรอดแต่ไม่พ้น ถูกรุมฟันร่างเละเสียชีวิตคาที่ก่อนจะแยกย้ายกันหลบหนีไป ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัว น.ส.นุชนาฏริย์ไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่โรงพัก เพื่อหาเบาะแสกลุ่มคนร้ายรวมทั้งกันตัวไว้เป็นพยานด้วย

ต่อมาเวลา 10.00 น. วันเดียวกัน พ.ต.อ.มนตรี จินดา ผกก.สภ.ท่าตะโก พร้อมกำลังเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 71/5 หมู่ 6 ต.สายลำโพง จับกุมนายอนุศรณ์ บุญชู ได้เป็นคนแรก ก่อนจะขยายผลตามจับนายฉัตรชัย ศรีสงคราม อายุ 24 ปี นายกำธร จินดา อายุ 18 ปี และนายสุริยา สีนวล อายุ 19 ปี ส่วนพวกที่เหลืออีก 5 คน คือ 1.นายสิงห์คำรณ อุ่นอ่อน 2.นายธวัชชัย สุขน้อย 3.นายศรัณย์ มีศรี 4.นายนราธิป ศรีดาวงษ์ และ 5.นายสถาพร ลาภคุณจริง ไหวตัวทันหลบหนีไปได้หวุดหวิด ยึดได้ ของกลางเป็นมีดดาบยาว 4 เล่ม เสื้อผ้าเปื้อนเลือดอีก 2 ชุด คุมตัวทั้ง 4 คนมาสอบสวน ให้การรับสารภาพ สำหรับผู้ต้องหาอีก 5 คนอยู่ระหว่างเสนอขออนุมัติออกหมายจับต่อไป

วันเดียวกันเมื่อเวลา 14.00 น. นางทองคำ มิ่งขวัญ วัย 72 ปี มารดาของนายถนอม หรือถนอมไชย พร้อมด้วยนางทองสุข ดีแสง อายุ 46 ปี ภรรยาหลวงและลูกสาวอีก 3 คน เดินทางมาติดต่อขอรับศพนายถนอมที่ รพ.ท่าตะโก โดยนางทองสุขระบุว่า ผู้ตายเคยทำงานเป็นคนขับรถให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง และ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ก่อนจะลาออกไปเป็นดาราตัวประกอบภาพยนตร์ ชื่อดังหลายเรื่อง เช่น “ปู่โสมเฝ้าทรัพย์” “เหล็กไหล” และ “อังกอร์ 2” จากนั้นก็สมัครเข้าทำงานเป็นหัวหน้าคนงานก่อสร้างของบริษัทแห่งหนึ่ง สำหรับเรื่องที่แอบมามีภรรยาน้อยที่ จ.นครสวรรค์นั้น ทางครอบครัวไม่มีใครทราบ รู้แต่ว่าผู้ตายเดินสายตรวจไซต์งานก่อสร้างหลายแห่งในภาคกลางและภาคเหนือตอนล่าง นานๆครั้งถึงจะกลับบ้านที่ จ.ปทุมธานี เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขอให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งรัดติดตามกลุ่มคนร้ายที่ยังหลบหนีมาดำเนินคดีให้ได้ ส่วนศพของนายถนอม ญาตินำกลับไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดหน้าไม้ ต.หน้าไม้ อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี