วันเสาร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

เก่ง มธัส ฉาวอีก ปืนตบหัวหนุ่มรับเหมา


เมื่อเวลา 17.30 น.วันที่ 31 ต.ค. ขณะที่ พ.ต.ท.บุญเลิศ ภิรมย์เอี่ยม พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.ธรรมศาลา กำลังปฏิบัติหน้าที่เข้าเวรประจำวัน อยู่บนโรงพัก ได้มีนายวิชิต โอฬารริกสุภัค อายุ 50 ปี ผู้รับเหมาก่อสร้าง พักอยู่ย่านพุทธมณฑลสาย 2 เดินกุมศีรษะเข้ามาขอแจ้งความดำเนินคดีชายวัยรุ่นที่ทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดริมถนนบรมราชชนนี แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กทม.


นายวิชิตเล่าเหตุการณ์ว่า ก่อนเกิดเหตุได้ขับรถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไมตี้เอ็กซ์ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน รท 9107 กรุงเทพมหานคร ไปตามถนนบรมราชชนนีขาออก เพื่อกลับบ้านย่านถนนพุทธมณฑลสาย 2 ขณะรถผ่านมาถึงหน้าศูนย์อาหารคุ้มดีพร้อม การจราจรติดขัดมาก แต่จู่ๆ ก็มีรถเก๋งมินิคูเปอร์ สีขาว ทะเบียนป้ายแดง 3-9769 กรุงเทพมหานคร ขับบีบแตรมาทางเลนขวาแล้วแซงปาดหน้ารถตนกะทันหันเข้าไปในศูนย์อาหารดังกล่าว ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไร และเป็นจังหวะที่หิวพอดีเลยเลี้ยวตามเพื่อหาอะไรกินรองท้องฆ่าเวลารถติด


หนุ่มใหญ่ผู้รับเหมาให้การต่อว่า เมื่อเข้าไปในศูนย์ฯ กลับไปเจอรถมินิคูเปอร์ป้ายแดงคันเดิมจอดขวางทางเข้าลานจอดรถจึงบีบแตรส่งสัญญาณให้เลื่อนไปด้านหน้า ชายวัยรุ่นหน้าตาดี ผมยาว ซึ่งเป็นเจ้าของรถแสดงท่าทางไม่พอใจเดินลงมาถีบเข้าที่ประตูรถตนแล้วเดินกลับไปหยิบกระเป๋าหนีบภายในรถคว้าปืนเดินอ้อมมาจ่อด้านหลังศีรษะตน ก่อนใช้ด้ามปืนตบศีรษะอย่างแรงต่อหน้าต่อตาพนักงานรับรถของศูนย์อาหารที่พยายามห้ามปราม หลังจากนั้นวัยรุ่นคนดังกล่าวก็ขึ้นรถไปพร้อมเพื่อนสาวขับออกไปอย่างรวดเร็ว จึงมาแจ้งความให้ตำรวจช่วยติดตามตัวมาดำเนินคดี


พ.ต.ท.บุญเลิศ ภิรมย์เอี่ยม สอบปากคำผู้เสียหายเบื้องต้นเสร็จเรียบร้อยจึงนำรูปถ่ายของนายเมธัส หรือเก่ง สวนศรี อดีตนายแบบนักแสดงชื่อดัง มาให้ผู้เสียหายดูว่าเป็นชายวัยรุ่นที่ทำร้ายร่างกายหรือไม่ เนื่องจากตำรวจมีข้อมูลว่า เก่ง-เมธัส เพิ่งมาเช่าพื้นที่ศูนย์อาหารคุ้มดีพร้อมเปิดลานเบียร์ อีกทั้งยังขับรถเก๋งมินิคูเปอร์ ป้ายแดงตรงตามที่ผู้เสียหายให้ข้อมูล เมื่อผู้เสียหายเห็นภาพแล้วได้ชี้ยืนยันทันทีว่าเป็นคนคนเดียวกัน พนักงานสอบสวนจึงนัดเหยื่ออดีตดารานายแบบอารมณ์ร้อนมาสอบปากคำ เพิ่มเติมในวันที่ 3 พ.ย. ก่อนจะเรียกเก่ง-เมธัส มาแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายอีกครั้ง


สำหรับ “เก่ง-เมธัส สวนศรี” ตกเป็นข่าวอื้อฉาวบ่อยครั้งตั้งแต่เริ่มเข้าวงการใหม่ๆ เมื่อหลายปีก่อน หลังไปก่อคดีข่มขืนน้องสาวพระเอกวัยรุ่นคนดังสมัยนั้น กระทั่งถูกวงการบันเทิงบอยคอตหมดอนาคตบนเส้นทางมายา แต่ยังไปทำร้ายร่างกายเหยื่อสาวอีกหลายรายเป็นคดีความอีกหลายหน ล่าสุดเพิ่งถูกศาลจังหวัดนนทบุรีพิพากษาจำคุก 5 ปี โดยไม่รอลงอาญาในคดีพรากผู้เยาว์และทำร้ายร่างกายนักเรียนสาวโรงเรียนมัธยมปลายแห่งหนึ่งและพาไปทำอนาจารที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านบางใหญ่ แต่อดีตนายแบบหนุ่มยื่นประกันตัวอยู่ระหว่างอุทธรณ์คดี

โคโยตี้ แสบ หลังระเริงรัก แอบฉกทองเสี่ย

เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 31 ต.ค. พล.ต.ต.วิทยา ประยงค์พันธุ์ ผบก.ภ.จ.ปทุมธานี สั่งการให้ พ.ต.อ.นันทชาติ ศุภมงคล รอง ผบก. พร้อมด้วย พ.ต.ท.จีรวัฒน์ แนวจำปา รอง ผกก.กสส. ภ.จ.ปทุมธานี พ.ต.ท.ขจรศักดิ์ วิมลาพาณิชย์ สว.สส. เข้าจับกุม น.ส.สุนัน ปุ่นสกุล หรือน้องอัน อายุ 24 ปี บ้านเดิมอยู่ ต.ไทรน้อย อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา ในข้อหาลักทรัพย์ จับได้ที่หมู่ 8 ต.สามกอ อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา


พล.ต.ต.วิทยา ประยงค์พันธุ์ ผบก. ภ.จ.ปทุมธานี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 14 ต.ค. ที่ผ่านมา มีนายประภาส (ขอสงวนชื่อและนามสกุล) หรือเสี่ยตี๋ อายุ 42 ปี ชาว อ.สามโคก จ.ปทุมธานี เป็นเจ้าของร้านขายส่งผลไม้รายใหญ่ในตลาดไทและส่งออกต่างประเทศ เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.พิสิฐชัย ปักเคระกา สารวัตรเวร สภ.สามโคก ว่า เมื่อเวลาประมาณตีสองเศษหลังจากไปเที่ยวที่สวนอาหารครัวภูธร ถนนสายปทุมธานี-ลาดหลุมแก้ว ต.บางหลวง อเมืองปทุมธานี และได้รู้จักกับ น.ส.สุนัน ซึ่งเป็นสาวโคโยตี้อยู่ที่สวนอาหารดังกล่าว และยังเป็นสาวโคโยตี้ที่ผับชื่อดังย่านสุขุมวิท


เมื่อสวนอาหารเลิก น.ส.สุนันออกไปเที่ยวต่อด้วยก่อนจะมาที่บ้านตน เพราะภรรยาไม่อยู่ พร้อมกับมีความสัมพันธ์กัน หลังเสร็จกิจตนเข้าห้องน้ำและเผลอหลับไป เมื่อตื่นขึ้นมาตอนเช้าปรากฏว่า น.ส.สุนันหายไปพร้อมกับทรัพย์สินของตนมีสร้อยคอทองคำหนัก 10 บาท 1 เส้น พระเลี่ยมทองอีก 10 องค์ หนักองค์ละ 1 บาท รวมเป็นทองรูปพรรณทั้งหมดหนัก 20 บาท ราคาประมาณ 2.5 แสนบาท และที่สำคัญยังลักเอาชุดนอนราคาแพงของภรรยาตนไปอีกด้วย


หลังรับแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบประวัติและสืบสวนจนทราบแหล่งที่หลบซ่อนสามารถจับกุมได้ จากการสอบสวน น.ส.สุนันให้การปฏิเสธว่าไม่ได้เอาทรัพย์สินของนายประภาสไป อย่างไรก็ตาม คุมตัวส่ง พ.ต.ท.พิสิฐชัย ปักเคระกา สารวัตรเวร สภ.สามโคก จ.ปทุมธานี เจ้าของคดีสอบสวนดำเนินการต่อไป

ขวดยัดจิ๋ม ฆ่าเปลือยสาว จี-สตริง หื่นโสมโหด


เมื่อเวลา 06.30 น. วันที่ 31 ต.ค. พ.ต.ท. ชรินทร์ ถนัดหนังสือ พนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.ยานนาวา รับแจ้งเหตุฆ่ากันตายภายในห้องเลขที่ 1055/1221 ชั้น 46 อาคารสเตททาวเวอร์ ถนนสีลม แขวงสีลม เขตบางรัก กทม. จึงรายงานผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นแล้วรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.สมบัติ มิลินทจินดา ผกก.สส.บก.น.6 พ.ต.อ.เสถียร ตัณฑะกูล ผกก.สน.ยานนาวา พ.ต.ท. ชาญวิทย์ พุ่มโพธิ์ รอง ผกก.สส. พ.ต.ต.วัชรพันธ์ ศิริพากย์ สว.สส. และ ร.ต.อ.วีระพันธ์ ณ ลำปาง รอง สว.สส.สน.ยานนาวา


บริเวณระเบียงหลังห้องที่เกิดเหตุพบศพ น.ส.ธิติมา ศรีตุลา อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 341/1 ถนนอารีราษฎร์ อ.เมืองระยอง นอนคว่ำหน้าเปลือยท่อนบน สวมกางเกงในแบบจีสติงสีขาว มีมีดปอกผลไม้ยาวประมาณ 10 นิ้ว ปักคาลำคอ ศีรษะและท้ายทอยถูกฟัน ใบหน้าโดนกรีดเป็นรอยยาว 3-4 แผล เช่นเดียวกับที่แก้มก้น ตามร่างกายยังมีรอยฟกช้ำเหมือนถูกซ้อมอย่างทารุณ ส่วนอวัยวะเพศคนร้ายได้เอาขวดพลาสติกน้ำมันหอมระเหย ยี่ห้ออโรมา ยัดใส่ไว้ด้วย เสียชีวิตมาแล้วประมาณ 3 ชั่วโมง นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังพบมีดดาบซามูไรเปื้อนเลือดตกอยู่ภายในห้อง รวมทั้งมีดคัตเตอร์และอุปกรณ์การเสพยาเสพติดจำนวนมาก จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน


ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของอาคารได้ล็อกตัวนายลี วู ฮัน อายุ 29 ปี ชาวเกาหลีใต้ เจ้าของห้อง ที่ยืนเปลือยกายอยู่ในอาการเมาสุราพูดจาไม่รู้เรื่องไปสอบสวนที่โรงพักร่วมกับเจ้าหน้าที่สถานทูตเกาหลีใต้ หลังพบร่องรอยขีดข่วนบริเวณแขนซ้าย ลำตัวมีคราบเลือด และเข่าขวามีบาดแผลจากการปีนระเบียงห้องหนีลงมาชั้น 45 ตอนเวลาตี 4 เศษ กระทั่งเจ้าของห้องชาวอินเดียเห็นพิรุธ จึงเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยขึ้นมาควบคุมตัวไว้


เบื้องต้นทราบว่า นายลี วู ฮัน มีตำแหน่งเป็นผู้จัดการฝ่ายต่างประเทศ บริษัทชิน ดอง อา จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 481/2 ถนนสาทรใต้ แขวงยานนาวา เขตสาทร กทม. ประกอบธุรกิจขายของชำร่วยส่งออก รู้จักผู้ตายที่ทำงานเป็นสาวขายบริการย่านห้วยขวางมาประมาณ 1 ปี เคยเรียกมาใช้บริการที่ห้องเกิดเหตุ 2-3 ครั้ง ล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่านมา นายลี วู ฮัน เรียกผู้ตายมาร่วมหลับนอนที่ห้องอีก ก่อนฝ่ายหญิงจะกลายเป็นศพถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยม อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องหาชาวเกาหลีใต้รายนี้ยังไม่ยอมให้การเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่งโรงพยาบาลตำรวจเพื่อตรวจคราบเลือดเปรียบเทียบดีเอ็นเอ และหาสารเสพติดในร่างกาย ก่อนแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา


ด้าน พ.ต.ท.ชาญวิทย์ พุ่มโพธิ์ รอง ผกก.สส.สน.ยานนาวา เปิดเผยว่า สาเหตุน่าจะมาจากการทะเลาะวิวาทระหว่างร่วมหลับนอน ประกอบกับผู้ต้องหาอาจเสพยาเสพติดผสมกับดื่มสุราแล้วเกิดอารมณ์รุนแรง ใช้มีดคัตเตอร์กรีดใบหน้า ใช้ดาบซามูไรฟันผู้ตายหลายแห่งแล้วแทงด้วยมีดปอกผลไม้ปักคอหมกศพไว้ระเบียงหลังห้องเตรียมหลบหนี ทั้งที่ยังมีอาการเมาสุรา หรือเมาสารเสพติด คงต้องรอให้อาการดีขึ้นกว่านี้ก่อน ถึงจะติดต่อเจ้าหน้าที่ทูตมาร่วมสอบปากคำใหม่อย่างละเอียดอีกครั้ง

วันศุกร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ดับคนเลี้ยงกุ้ง! ขโมยยิงคาบ่อ

ดับคนเลี้ยงกุ้ง! ขโมยยิงคาบ่อ [31 ต.ค. 51 - 03:40]

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 30 ต.ค. พ.ต.ท.สุรชัย วัชรพาณิชย์ สารวัตรเวร สภ.ราชสาส์น จ.ฉะเชิงเทรา รับแจ้งมีผู้ถูกยิงตายที่บ่อเลี้ยงกุ้ง หมู่ 3 บ้านไผ่ขวาง ต.เมืองใหม่ อ.ราชสาส์นจึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.สหัส โหรวิชิต ผกก. พ.ต.ท.กลยุทธ ด่อนแผ่ว รอง ผกก.ป. พ.ต.ท.พิศาล ลิ้มมณี รอง ผกก.สส. เจ้าหน้าที่วิทยาการ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยพนมสารคามไปตรวจสอบ

จุดเกิดเหตุอยู่หน้ากระต๊อบเฝ้าบ่อกุ้ง พบศพนายพินิจ อนันตรกิตติ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9 หมู่ 3 ต.เมืองใหม่ อ.ราชสาส์น เจ้าของบ่อกุ้ง ถูกยิงด้วยปืนไม่ทราบชนิดเข้าเหนือราวนมซ้ายทะลุหลัง เสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 8 ชั่วโมง ส่วนที่ริมบ่อกุ้งห่างจุดพบศพไม่มากนัก พบแห 1 ปาก และกุ้งกุลาดำในกระสอบปุ๋ยอีกจำนวนหนึ่ง คาดว่าเป็นของคนร้าย จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบปากคำ นางกำไล อนันตรกิตติ อายุ 39 ปี ภรรยาผู้ตายให้การว่า สามีประกอบอาชีพเลี้ยงกุ้งและทำสวนมะม่วง โดยเลี้ยงกุ้งกุลาดำไว้ทั้งหมด 5 บ่อ ในเนื้อที่ 15 ไร่ ก่อนหน้านี้จับกุ้งขายไปแล้ว 4 บ่อ เหลืออีก 1 บ่อ คาดว่า 2-3 วันนี้ก็จะจับขายได้แล้ว ก่อนเกิดเหตุเมื่อช่วงค่ำวานนี้ สามีออกจากบ้านมานอนที่กระต๊อบเพื่อเฝ้ากุ้ง เนื่องจากเกรงจะมีหัวขโมยมาลักกุ้งที่โตพอจะจับขายได้แล้ว ส่วนคนงาน 2 คน ได้ลา กลับไปบ้านเมื่อสัปดาห์ก่อน จนกระทั่งเช้าตนไม่เห็นสามีกลับไปกินข้าว จึงออกมาตาม ปรากฏว่าพบสามีถูกยิงตายกลายเป็นศพเฝ้าบ่อกุ้งไปแล้ว

เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า ขณะที่นายพินิจ ผู้ตาย มานอนเฝ้าบ่อกุ้ง ปรากฏว่าตอนดึกมีหัวขโมยไม่ต่ำกว่า 2 คน ลอบเข้ามาทอดแหขโมยกุ้งใส่กระสอบปุ๋ยจำนวนหนึ่งเพื่อเตรียมนำไปขาย แต่ผู้ตายตื่นขึ้นมาพบเห็นเข้า และส่งเสียงร้องเอะอะโวยวาย คนร้ายเกรงนายพินิจ จะจดจำใบหน้าได้ จึงชักปืนยิงจนเสียชีวิตแล้วหลบหนีไป ซึ่งเจ้าหน้าที่จะสืบสวนสอบสวนหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป

ขับเบนซ์ตอง4 ปาระเบิดใส่พธม.

ขับเบนซ์"ตอง4"ปาระเบิดควันแถวมัฆวานฯ ผบช.น.ฟันธง"บึ้ม" ใกล้ม็อบหวังปลิดชีพเชื่อไม่จบแค่นี้

ขับเบนซ์สีดำปาระเบิดควันใส่พธม.สะพานมัฆวานฯ กลางดึก ผบช.น.เชื่อหลัง 3 เหตุการณ์ป่วนเวทีพันธมิตรฯ ทั้งการขว้างระเบิด-ยิงชายปริศนา-เผารถแกนนำเชียงใหม่ ผบช.น.เชื่อยังมีระเบิดป่วนเมืองอีก ยืนยันระเบิดที่นำมาปาใส่เป็นระเบิดสังหาร หวังให้เกิดการนองเลือด "จำลอง" ระบุ รัฐบาลทำสงครามเต็มรูปแบบ ขอสารวัตรทหารดูแลม็อบ

รายงานล่าสุดเมื่อเช้ามืดวันที่ 31 ตุลาคม มีผู้ขับรถเบนซ์สีดำปาระเบิดควันใส่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์อีกครั้ง หลังจากเมื่อวานนี้เกิดเหตุการณ์ขว้างระเบิดใส่กลุ่มผู้ชุมนุมจนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เหตุยิงชายที่มีอาการเมาสุราเสียชีวิตบริเวณใกล้ที่ชุมนุมกลุ่มพันธมิตร และการเผารถของแกนนำพันธมิตรที่เชียงใหม่





อีกแล้ว! โยนระเบิดควันใส่พธม. โชคดีไม่มีคนเจ็บ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 31 ต.ค. มีผู้ขับรถเบนซ์สีดำ และปาระเบิดควันใส่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ ซึ่งผู้เห็นเหตุการณ์ให้การว่า เห็นบุคคลในรถเบนซ์ดังกล่าวใส่เสื้อสีดำ และจำหมายเลขรถทะเบียน 4444 แต่จำตัวอักษรหน้าไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ระเบิดดังกล่าวส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหว มีควันพวยพุ่งออกมา และมีสะเก็ดระเบิดเล็กกระเด็น โดยไม่มีผู้เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บ





ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในช่วงเช้าวันนี้ กลุ่มรักษาความปลอดภัยพันธมิตรฯ ได้ตรึงกำลังเข้มงวดมากขึ้น โดยได้ตรวจตราผู้ที่เข้าออกภายในทำเนียบรัฐบาลอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะการตรวจสิ่งของก่อนเข้ามาภายใน



ผบ.ตร.เพิ่มมาตรการป้องกันเหตุ



พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวเมื่อวันที่ 30 ตุลาคมคม ว่า ขณะนี้ยังสรุปไม่ได้ว่าใครเป็นคนทำ ต้องรอผลการสืบสวนสอบสวนก่อน ที่ผ่านมาตำรวจก็ดูแลความปลอดภัยตามปกติทุกวันอยู่แล้ว แต่เมื่อเกิดเหตุเช่นนี้ขึ้น คิดว่าต้องเพิ่มมาตรการให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น


ส่วนกรณีที่กลุ่มพันธมิตรตั้งข้อสังเกตว่าตำรวจมีการเคลื่อนย้ายกำลังออกจากพื้นที่เกิดเหตุ ในช่วงมีเหตุระเบิดนั้น พล.ต.อ.พัชรวาทกล่าวว่า คิดว่าไม่จำเป็นต้องอธิบาย เพราะตำรวจเราทำหน้าที่ทุกวัน มีการสับเปลี่ยนกำลังทุกวัน และต้องเจรจากับพันธมิตรในส่วนที่ต้องแยกแยะว่าส่วนไหนของพันธมิตร และส่วนตรงไหนของตำรวจที่จะเข้าไปได้


วงจรปิดจับภาพหนุ่มใหญ่ถูกยิง


พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบ.ช.น.) กล่าวว่า ส่วนเกิดเหตุระเบิดที่สะพานมัฆวานฯเบื้องต้น พบกระเดื่อง น่าเชื่อว่าเป็นลูกเกลี้ยงชนิดเอ็ม 87 ซึ่งเป็นระเบิดชนิดที่มีกันทั่วไป เหมือนระเบิดขว้างแต่เป็นลูกเกลี้ยง เป็นระเบิดสังหาร



พล.ต.ท.สุชาติกล่าวว่า ส่วนเหตุนายสังเวียนถูกยิงที่หน้าผากทะลุท้ายทอย 1 นัด เสียชีวิต ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าไม่เกี่ยวข้องกับทั้งแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และพันธมิตร ก่อนเกิดเหตุตำรวจห้ามว่าอย่าเข้าไปในบริเวณดังกล่าว อย่างไรก็ตามนายสังเวียนถูกยิงก่อนถึงจุดดังกล่าว โดยถูกยิงขณะยังไม่ได้เข้าไปในสี่แยกสวนมิสกวัน โดยมีกล้องโทรทัศน์วงจรปิดบันทึกภาพคนตายขณะที่เข้าไป และขณะถูกยิง เห็นได้ชัดเจนว่ากระสุนมาจากทางไหน คนถูกยิงทำอย่างไรบ้าง เคลื่อนไหวอย่างไร วิถีชัดเจนว่ามาจากทางใด แต่ยังเปิดเผยไม่ได้ ต้องรอการสอบสวนบางอย่าง ประกอบกับมีกระสุนบางส่วนไปโดนกำแพงและป้ายรถเมล์ด้วย แต่ขอเวลาอีกสักนิดอย่าเพิ่งฟันธง


ผบช.น.เชื่อยังมีระเบิดป่วนอีก


ผู้สื่อข่าวถามว่าทั้ง 3 เหตุการณ์ที่ต่อเนื่องกัน มีความเชื่อมโยงกันหรือไม่ พล.ต.ท.สุชาติกล่าวว่า นายสังเวียนไม่น่าจะเชื่อมโยง เมื่อถามว่ากรณีขว้างระเบิดสังหารใส่การ์ดพันธมิตร มีการวิเคราะห์ว่ามีเป้าประสงค์เพื่ออะไร พล.ต.ท.สุชาติกล่าวว่า ถ้าโยนระเบิดสังหาร คิดว่าไม่ก่อกวนแน่


ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการประเมินสถานการณ์ว่าจะรุนแรงหรือไม่ พล.ต.ท.สุชาติกล่าวว่า ในช่วงนี้คงจะมีลักษณะระเบิดป่วนเมือง น่าจะยังมีอยู่ ส่วนการรักษาความสงบเรียบร้อยมีจุดวางกำลังเพิ่มเติมและมีจุดตรวจต้องรบกวนประชาชนที่เดินทางยามค่ำคืน อาจจะพบจุดตรวจเพิ่มขึ้นโดยเน้นตรวจรถจักรยานยนต์เป็นพิเศษ


พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) กล่าวก่อนร่วมประชุมสภากลาโหม ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่บริเวณหน้าสะพานมัฆวานฯน่าเป็นห่วงว่า ยิ่งใกล้ในช่วงที่มีการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 1 พฤศจิกายน จะมีแนวโน้มของเหตุการณ์ที่รุนแรงมากขึ้น รัฐบาลและตำรวจต้องดำเนินการตามกฎหมายให้เข้มงวด ต้องแสดงให้เห็นว่าสามารถคุ้มครองชีวิต ทรัพย์สิน ความปลอดภัยของประชาชนได้ หากกฎหมายไม่เป็นกฎหมายแล้วจะมีกลุ่มอะไรต่างๆ ออกมาเคลื่อนไหวมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้รัฐบาลควบคุมเหตุการณ์ได้ลำบาก นำมาซึ่งเหตุการณ์ที่รุนแรงขึ้น


ประสาน "ทบ."ขอดูวงจรปิด


ต่อมาเวลา 10.00 น. ที่ สน.นางเลิ้ง พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ประชุมเรียกพนักงานสอบสวน และฝ่ายสืบสวน เพื่อคลี่คลายคดีระเบิดที่สะพานมัฆวานฯใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง โดยให้ฝ่ายสืบสวนเร่งประสานไปยังกองทัพบก ซึ่งอยู่ใกล้เคียงเพื่อขอดูภาพกล้องวงจรปิด


ร.ต.อ.ป้อมเพ็ชรกล่าวว่า สอบพยานผู้เห็นเหตุการณ์คือ นายเชิดศักดิ์ ศรีสุบิน อายุ 50 ปี อยู่ที่ 124/7 หมู่ 2 แขวง-เขตบางแค กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นการ์ดพันธมิตร ให้การว่า เข้าเวรเวลา 24.00 น. ถึง 06.00 น. ระหว่างที่ชงกาแฟที่เต๊นท์บริเวณสะพานมัฆวานฯ พบชายต้องสงสัยสวมหมวกกันน็อคขับรถจักรยานยนต์แบบผู้หญิง ผ่านถนนราชดำเนินนอกช่องกลาง ถึงแยกสะพานมัฆวานฯและเลี้ยวขวาออกไปทางวัดโสมนัส 2 รอบ กระทั่งรอบที่ 3 พบว่าชายดังกล่าวขับรถมาอีก และมีคนซ้อน 1 คน เมื่อผ่านสะพานมัฆวานฯสักพัก คนซ้อนลงมาและวิ่งปาระเบิดเข้าใส่ ก่อนหลบหนีไป จากนั้นได้ยินเสียงปืนดัง 1 นัด ที่สะพานชมัยมรุเชฐ และได้ยินอีก 1 นัดที่แยกสวนมิสกวัน


ร.ต.อ.ป้อมเพ็ชรกล่าวว่า หลังสอบปากคำได้สักพัก นายเชิดศักดิ์ขอตัวเข้าห้องน้ำก่อนหลบหนีออกไป อย่างไรก็ตาม ตำรวจได้ข้อมูลในเบื้องต้นแล้ว และประสานไปยังสำนักงานปลัดบัญชี ในกองทัพบก เพื่อนำกล้องวงจรปิดมาตรวจสอบดู


"มหา" ชี้รบ.ทำสงครามเต็มรูปแบบ


อีกด้านหนึ่ง เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ห้องผู้สื่อข่าว ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.จำลองแถลงว่า ขณะนี้รัฐบาลกำลังเดินหน้าทำสงครามเต็มรูปแบบ ต้องการที่จะทำร้ายพันธมิตรทั้งในที่ตั้งและนอกที่ตั้ง อย่างเมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 30 ตุลาคม รัฐบาลส่งคนเข้ามาก่อกวนบริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ ซึ่งพันธมิตรจับกุมผู้ที่มาก่อกวน โดยรับสารภาพว่าเป็นชาวจังหวัดหนองคาย และรับจ้างมาจากฝ่ายรัฐบาล ด้วยเงินเพียง 200 บาท ให้เข้ามาสร้างความวุ่นวาย โดยนำผ้าชุบน้ำมันเบนซินหวังที่จะเผาทำเนียบ และเมื่อเวลา 03.00 น. มีกลุ่มคนเข้ามาปาระเบิดสังหารใส่กลุ่มพันธมิตรบริเวณสะพานมัฆวานฯ


พล.ต.จำลองกล่าวว่า นอกจากนี้ เวลา 04.00 น. ฝ่ายรัฐบาลเข้ามาบริเวณแยกมิสกวัน แต่งชุดดำพกอาวุธสงครามครบมือ เข้ามาระดมยิงใส่ผู้ชุมนุมและการ์ดพันธมิตร คนที่พกอาวุธอย่างไม่ผิดกฎหมายเช่นนี้ มีเพียงแค่ตำรวจและทหารเท่านั้น


ขอสารวัตรทหารดูแลพันธมิตร


พล.ต.จำลองกล่าวว่า ที่ผ่านมากลุ่มพันธมิตรเคยเรียกร้องกองทัพบกให้ส่งสารวัตรทหารเข้ารักษาความปลอดภัย แต่ไม่มีการตอบรับจากกองทัพ ดังนั้น ตนจึงขอเรียกร้องอีกครั้ง เพื่อไม่ให้มีผู้บาดเจ็บและล้มตายไปมากกว่านี้ โดยเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม พันธมิตรทำหนังสือไปถึง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) อีกครั้ง ให้ส่งสารวัตรทหารมาดูแลความปลอดภัยกลุ่มผู้ชุมชน ทั้งนี้ พันธมิตรพร้อมที่จะออกค่าเบี้ยเลี้ยงให้กับสารวัตรทหาร และเลี้ยงอาหารเป็นอย่างดี



"อยากฝากบอกทหารว่าจะนิ่งดูดาย จะรอให้ประชาชนตายซักกี่คน และบาดเจ็บซักเท่าไหร่ ทั้งๆ ที่เคยประกาศว่าจะอยู่เคียงข้างประชาชน" พล.ต.จำลองกล่าว


ทพ.ศุภผล เอี่ยมเมธาวี ผู้ประสานงานภาคีมวลชนคนโคราชรักประชาธิปไตย และแกนนำพันธมิตรนครราชสีมา กล่าวถึงเหตุการณ์ขว้างระเบิดใส่การ์ดพันธมิตรว่า เป็นฝีมือฝ่ายตรงข้ามแน่นอน จะยิ่งทำให้พันธมิตรขยายเครือข่ายออกไปทั่วประเทศ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม ถึงวันที่ 1 พฤศจิกายน พันธมิตรโคราชระดมสมาชิกและผู้ร่วมอุดมการณ์ใน 32 อำเภอ ไปร่วมชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลให้มากที่สุด คาดว่าจะมีไม่ต่ำกว่า 4,000 คน


จยย.รับจ้างเจอ"การ์ดพธม."ซ้อม


วันเดียวกัน นายแอม ดาวสิงห์ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38 หมู่ 3 ต.ภูฝ้าย อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ อาชีพขับจักรยานยนต์รับจ้าง หน้าสยามสแควร์ เข้าแจ้งความที่ สน.ดุสิต ว่า ถูกการ์ดพันธมิตรรุมทำร้าย โดยนายแอมให้การว่า เมื่อเวลา 17.00 น วันที่ 29 ตุลาคม มีป้าคนหนี่งว่าจ้างจากสยามสแควร์ให้ไปส่งที่ทำเนียบรัฐบาล ไปถึงเวลาประมาณ 18.00 น. ขณะที่กำลังเลี้ยวรถกลับ มีการ์ดพันธมิตรบริเวณสะพานชมัยมรุเชษฐประมาณ 10 คน เข้ามาหาพร้อมถือไม้บังคับให้ลงจากรถ ตนจึงถามว่าผิดอะไร พวกนั้นบอกว่าที่หน้ารถติดสติ๊กเกอร์ "เบื่อพันธมิตร โว้ย" จึงบอกไปว่าเพื่อนนำมาติดให้ตั้งนานแล้ว และไม่ได้คิดอะไร


นายแอมให้การว่า จากนั้นกลุ่มการ์ดบางคนฉุดกระชากลงจากรถ ก่อนจะพาไปเข้าห้องปิดตาย บริเวณศาลกรมหลวงชุมพรฯ จากนั้นการ์ดข่มขู่ให้รับสารภาพว่า ใครเป็นผู้จ้างวานมาก่อกวน ตนพยายามอธิบายว่าแค่มาส่งผู้โดยสาร จึงถูกรุมตบและเตะเข้าที่ใบหน้าและลำตัว จากนั้นกลุ่มการ์ดพันธมิตรค้นตัวนำบัตรประชาชนและใบอนุญาตขับขี่ไปถ่ายรูปทำหลักฐานไว้


"ผมยังถูกยึดบัตรเอทีเอ็มพร้อมถูกบังคับให้บอกรหัสบัตร เมื่อไม่บอกก็โดนตบตี จนทนไม่ไหวต้องยอมบอก แต่เมื่อมีคนนำไปกดที่ตู้เอทีเอ็มปรากฏว่าไม่มีเงิน จึงนำบัตรมาคืน กว่าจะถูกปล่อยตัวกลับบ้านก็นานกว่า 4 ชั่วโมง จนวันต่อมาบาดแผลเริ่มบวมช้ำจึงไปหาหมอที่โรงพยาบาลตำรวจ ก่อนแจ้งความกับตำรวจ" นายแอมกล่าว


ปิดแยก-ถนนตลอดทั้งคืน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เช้าหลังเกิดเหตุรุนแรง พันธมิตรได้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ตรวจตราทุกคนที่เข้า-ออกทำเนียบ จัดกำลังการ์ดเดินตรวจเวรยามตามแนวรั้วรอบทำเนียบเป็นระยะๆ


ต่อมานายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตร แถลงว่า หลังเกิดเหตุปาระเบิดก่อกวน พันธมิตรตัดสินใจปิดถนนตลอดทั้งคืน เบื้องต้นที่สะพานเทวกรรม สี่แยก จปร. ถนนหน้าวัดมกุฏกษัตริยาราม และหน้าสนามม้านางเลิ้ง เพื่อรักษาความปลอดภัย แต่จะเปิดให้รถสัญจรไปมาในตอนเช้าถึงค่ำ


การ์ดพธม.จับชายรับจ้างป่วน


ก่อนหน้านี้ตั้งแต่ช่วงเช้า นายกิตติชัย ใสสะอาด หัวหน้าการ์ดพันธมิตร กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุการ์ดพันธมิตรควบคุมตัวชายฉกรรจ์ 1 คน อยู่ในอาการเมาสุราที่สะพานชมัยมรุเชฐ สวมเสื้อแจ๊คเก็ตสีดำ ด้านหลังเสื้อมีโลโก้พรรคไทยรักไทย จากการตรวจค้นอาวุธพบถุงใส่เสื้อผ้าที่ชุบน้ำมันเบนซิน จากการสอบถามชายดังกล่าว ยอมรับว่ามีชายที่อ้างตัวว่าเป็นตำรวจจ้าง 200 บาท ให้เข้ามาก่อกวนในที่ชุมนุมของพันธมิตร และขณะเกิดเหตุไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เคยประจำอยู่ที่ป้อมตำรวจตามจุดต่างๆ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 03.40 น. มีชายฉกรรจ์ 2 คนขับขี่รถจักรยานยนต์มาจากแยกนางเลิ้ง มุ่งหน้ายังสะพานชมัยมรุเชฐได้ยิงปืนขึ้นฟ้า 1 นัด แล้วขับหลบหนี


ต่อมาเวลา 04.00 น. มีเสียงปืนดังขึ้นประมาณ 10 นัด บริเวณแยกมิสกวันฝั่งประตูหลัง บช.น.ตรงข้ามกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ภายหลังเกิดเหตุการ์ดพันธมิตรประมาณ 20 คน ตรึงกำลังพื้นที่บริเวณแยกมิสกวันเพื่อรอดูสถานการณ์จนถึงช่วงเช้า จากนั้นเวลาประมาณ 06.15 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตร ออกมาตรวจบริเวณแยกมิสกวันพร้อมกำชับการ์ดให้เข้มงวดในการรักษาความปลอดภัย


หนุ่มใหญ่เจอยิงดับปริศนา


ขณะเดียวกัน เมื่อช่วงเช้าเวลา 06.30 น. วันเดียวกัน พ.ต.ท.สุรศักดิ์ สิงห์ไกร รอง ผกก.สส.สน.ดุสิต รับแจ้งมีคนถูกยิงเสียชีวิตบริเวณริมทางเท้าด้านข้างที่ทำการสำนักนายกรัฐมนตรี แยกมิสกวันตัดแยกวังแดง รุดไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ ผบก.น.1 พบศพนายสังเวียน รุจิโมละ อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 701/51 ถนนสุขุมวิท 101 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ สภาพนอนคว่ำหน้าจมกองเลือด สวมเสื้อโปโลสีดำ นุ่งกางเกงยีนส์ ใส่รองเท้าแตะสีแดง ตรวจสอบตามร่างกายถูกยิงด้วยปืนขนาด 9 มม. เข้าบริเวณตาขวาทะลุท้ายทอย 1 นัด พบปลอกกระสุนขนาดเดียวกันตกอยู่เกลื่อนพื้นถนนหลายปลอก และพบใบเสร็จชำระค่าเหล้าตกอยู่ใกล้ศพ เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน


พล.ต.ต.อนันต์กล่าวว่า เบื้องต้นทราบว่าผู้ตายเดินผ่านกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่เวรรักษาการณ์เข้ามาทางแยกวังแดง ในลักษณะคล้ายคนเมาสุรา พร้อมส่งเสียงตะโกนว่า ลุยแม่งเลยŽ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ยินเสียงคล้ายอาวุธปืนดังขึ้นเป็นระยะๆ ประมาณ 4-5 นัด ส่วนสาเหตุเสียชีวิตยังไม่ชัดเจน ต้องรอการตรวจสอบก่อน


พล.ต.จำลองกล่าวว่า ผู้ชายที่ถูกยิงเสียชีวิตน่าจะเป็นกลุ่มเดียวกับคนที่มาก่อกวนพันธมิตร


บึ้ม พธม.-เผารถแกนนำ เชียงใหม่


ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 03.20 น. ร.ต.อ.ป้อมเพ็ชร โชติกลาง ร้อยเวร สน.นางเลิ้ง รับแจ้ง เหตุปาระเบิดที่บริเวณเชิงสะพานมัฆวานฯ ตรงข้ามสำนักปลัดบัญชีกองทัพบก มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 10 ราย การ์ดพันธมิตรนำส่งโรงพยาบาลวชิระ 6 คน บาดเจ็บเล็กน้อย 4 คน ทางพยาบาลของพันธมิตรฯให้การรักษา ที่เกิดเหตุพบวัตถุคล้ายสลักระเบิดเอ็ม-87 ตกอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ


สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุมีชาย 2 คน ขับรถรถจักรยานยนต์แบบผู้หญิงสีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนคนนั่งซ้อนท้ายสวมเสื้อคลุมสีดำคาดขาว ขับมาจากแยก จปร. ถนนราชดำเนินนอก เข้ามายังสะพานมัฆวานฯ ถึงหน้าสำนักปลัดบัญชีกองทัพบก คนซ้อนท้ายได้ลงมาจากรถจักรยานยนต์ แล้วปาระเบิดเข้าไปบนสะพาน ทำให้การ์ดพันธมิตรได้รับบาดเจ็บ


ทั้งนี้ ผู้บาดเจ็บ 6 รายที่รักษาตัวในโรงพยาบาลวชิระ มีอาการสาหัส 1 ราย คือนายเสถียร ทับมะลิผล อายุ 53 ปี โดย นพ.ชัยวัน เจริญโชคทวี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิระ เปิดเผยว่า นายเสถียรถูกสะเก็ดระเบิดที่ศีรษะด้านซ้าย หลังจากแพทย์ผ่าตัดเอาสะเก็ดระเบิดออกจากสมองแล้ว ล่าสุด อาการดีขึ้น แพทย์สามารถห้ามเลือดที่ออกในสมองได้ และได้ศัลยกรรมตกแต่งกะโหลกศีรษะเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ยืนยันว่าจะมีโอกาสฟื้นหรือไม่ ส่วน
นายจีระศักดิ์ อินทรีย์ อายุ 16 ปี ซึ่งถูกสะเก็ดระเบิดที่คอด้านขวา ล่าสุด ยังพักฟื้นอยู่ในห้องฉุกเฉิน แต่อาการปลอดภัยแล้ว


อีกด้านหนึ่ง เมื่อเวลา 03.30 น. เกิดเหตุเพลิงไหม้รถยนต์วอลโว่ รุ่น 960 ทะเบียน ค 4546 เชียงใหม่ ของนายเทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา เจ้าของสถานีวิทยุวิหคเรดิโอ ซึ่งอ้างตัวเป็นหัวหน้ากลุ่มทหารเสือพระราชา และแกนนำพันธมิตรใน จ.เชียงใหม่ เหตุเกิดในโรงรถห่างจากสถานีวิทยุ เลขที่ 126/42 หมู่บ้านระมิงค์นิเวศน์ ต.หายยา ประมาณ 30 เมตร

วันพฤหัสบดีที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ข่มขืนฆ่า สาวป.โทไทยประกัน

ข่มขืนฆ่าสาวป.โทไทยประกัน ชีวิตรันทดทำงานเลี้ยงพี่พิการ

พบศพสาว ป.โท พนักงานบัญชีไทยประกันชีวิต สาขา จ.อ่างทอง เป็นศพถูกตีแสกหน้า มัดมือมัดเท้าทิ้งใต้ต้นไม้ข้างถนนสายเลี่ยงเมืองสุพรรณบุรี คาดฝีมือคนขับรถโดยสาร กับกระเป๋ารถร่วมกันข่มขืนก่อนลงมือฆ่าโหด

เหตุพนักงานบริษัทไทยประกันชีวิตถูกข่มขืนฆ่าทิ้งริมถนนสายเลี่ยงเมืองสุพรรณบุรี เปิดเผยเมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 29 ตุลาคม ร.ต.ท.ประพันธ์ จำปานวน ร้อยเวร สภ.เมืองสุพรรณบุรี รับแจ้งว่าพบศพหญิงสาว ผิวขาว ถูกฆ่ามัดมือมัดเท้าทิ้งอยู่ในป่าใต้ต้นจามจุรี ข้างถนนสายเลี่ยงเมืองสุพรรณบุรี หมู่ 3 ต.ท่าระหัด จึงไปรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.อ.วีระ บุตรโพธิ์ พ.ต.อ.พีรชาติ รื่นเริง รอง ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี พ.ต.อ.ชัยรัตน์ ทิพยจันทร์ ผกก. พ.ต.ท.สุมนตรี กรรณเลขา รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.โสพิณ รุ่งสว่าง รอง ผกก.ป. นพ.ชูเดช ตีรวัฒนประภา แพทย์เวร รพ.เจ้าพระยาราช และหน่วยกู้ภัยเณรแก้ว

ที่เกิดซึ่งเป็นป่าหญ้าข้างถนนพบร่องรอยลักษณะถูกลากยาวจากถนนลงมาประมาณ 20 เมตร ที่ใต้ต้นจามจุรีพบศพหญิงสาว นอนคว่ำหน้า อายุประมาณ 25-30 ปี ผิวขาว ผมยาวประบ่าสีน้ำตาล สูงประมาณ 160 ซม. สวมกระโปรงสั้นสีเทาถูกเปิดขึ้นไปจนเห็นก้น ใส่เสื้อแขนยาวสีฟ้าลายตรงถูกถกขึ้นไปบนศีรษะ ที่ข้อเท้าถูกมัดด้วยเสื้อยกทรงสีครีมโทนสีน้ำตาล ข้อมือถูกมัดด้วยผ้าขาวม้าสีแดง-ขาว ที่ลำคอถูกรัดด้วยผ้าขนหนูสีขาว และที่ใบหน้าถูกตีด้วยของแข็ง ทาเล็บมือและเท้า ข้อมือซ้ายใส่กำไลสีทอง ต่างหูแบบติดหูสีเงิน นอกจากนี้บริเวณใกล้เคียงยังพบเศษกระดาษหนังสือพิมพ์สตาร์ซอคเกอร์ ฉบับวันที่ 28 ตุลาคม เปื้อนเลือดตกอยู่ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า10 ชั่วโมง

นางจินตนา พันธ์ชัย อายุ 41 ปี พนักงานหมวดการทางสุพรรณบุรี ผู้พบศพ ให้การว่า ได้มาตกแต่งสวนที่เกาะกลางถนน ขณะเข้าไปทำธุระส่วนตัวที่บริเวณดังกล่าวพบเห็นศพ จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ

พ.ต.อ.ชัยรัตน์ ผกก.สภ.เมืองสุพรรณบุรี กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตรายนี้คือ น.ส.นฤมล ชุ่มวารี อายุ 35 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ ต.รั้วใหญ่ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี เป็นพนักงานบริษัทไทยประกันชีวิต สาขา จ.อ่างทอง ก่อนพบศพทราบว่าในเวลา 06.00 น. ผู้ตายเดินทางจากบ้านพักเพื่อขึ้นรถบัสไปทำงานที่ จ.อ่างทอง กระทั่งมีผู้มาพบศพดังกล่าว ซึ่งผลการพิสูจน์ชัดเจนแล้วว่า ผู้ตายถูกคนร้ายข่มขืนด้วย โดยพบน้ำอสุจิในช่องคลอด จากข้อมูลที่ได้รับมีความเป็นไปได้ว่า คนร้ายที่ก่อเหตุอาจจะเป็นคนขับรถเมล์ และพนักงานเก็บเงินบนรถโดยสาร อาศัยจังหวะที่รับผู้ตายขึ้นรถโดยสารไปทำงานที่ จ.อ่างทอง ก่อเหตุ ซึ่งได้ส่งเจ้าหน้าที่ออกติดตามรถโดยสารที่เดินทางระหว่างสุพรรณบุรี-อ่างทอง แล้ว ทั้งนี้ น.ส.นฤมล เดิมทำงานประจำอยู่ที่สาขากรุงเทพฯ ก่อนที่จะย้ายมาอยู่ที่สาขา จ.อ่างทอง และเพิ่งจบการศึกษาในระดับปริญญาโท

ด้านนายอมรเทพ วังอานนท์ ผู้จัดการฝ่ายบริหารไทยประกันชีวิต สาขาวิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง กล่าวว่า น.ส.นฤมล เป็นเจ้าหน้าที่สินไหม เพิ่งขอย้ายที่ทำงานมาจากสำนักงานใหญ่ กทม. โดยขอมาดูแลพี่สาวพิการ ซึ่งอาศัยที่ จ.สุพรรณบุรี ทั้งนี้ น.ส.นฤมล ถือว่าหน้าตาดี และผิวพรรณดี ทำงานเก่ง ขยัน จนเป็นที่รักใคร่ของเพื่อนร่วมงาน เป็นคนที่น่าสงสาร แต่ละวันจะขี่รถจักรยานยนต์มาจอดไว้ที่ขนส่ง จ.สุพรรณบุรี จากนั้นก็จะขึ้นรถโดยสารมาทำงานที่ จ.อ่างทอง เป็นประจำ เท่าที่ทราบผู้ตายยังไม่มีแฟน สาเหตุการเสียชีวิตคาดว่าจะมีชายแอบมาหลงรัก และเมื่อสบโอกาสคนร้ายจึงลงมือ

นร.ม.6 แค้นถูกเลิก ไฟเผานร.หญิงม.3


หนุ่มก่อสร้างโหดเบนซินราดจุดไฟเสียโฉมเจ็บสาหัส

เบนซินราดเผา"สาว ม.3"หน้าเสียโฉม หนุ่มก่อสร้างรักคุดแค้นขอแต่งงานถูกปฏิเสธ ชวนวิวาห์เหาะก็ไม่เล่นด้วย แถมบอกตัดสัมพันธ์ สุดท้ายขี่รถตาม ประกบ ขณะฝ่ายหญิงขี่รถ จยย.มีญาติกับหลานนั่งซ้อนจะไปกดเอทีเอ็มในตัวอำเภอ ถีบรถล้มสาดน้ำมันใส่หน้าโยนไฟแช็กใส่ลุกพึ่บ ยังอำมหิต ตามไปจับกดน้ำ แต่พลเมืองดีผ่านมาพบ เลยรีบเผ่น หามเหยื่อส่ง รพ. อาการสาหัส ผู้ว่าฯ รุดเยี่ยม จี้ตำรวจตามลากคอหนุ่มรักอำมหิตด่วน

เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 29 ต.ค. ร.ต.ท.นคร สายอุด ร้อยเวร สภ.โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร รับแจ้งจากนายโย (นามสมมุติ) อายุ 44 ปี ชาวอำเภอโพธิ์ประทับช้าง ว่า น.ส.แพท (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี บุตรสาว เรียนอยู่ชั้น ม.6 โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัด ถูกทำร้ายด้วยการใช้น้ำมันเบนซินราดแล้วจุดไฟเผา ได้รับบาดเจ็บสาหัส ถึงขั้นเสียโฉม ขณะนี้พักรักษาตัวอยู่ที่ห้องพิเศษ อาคารเฉลิมพระเกียรติ รพ.พิจิตร จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมตำรวจฝ่ายสืบสวน พบ น.ส.แพท ผู้เคราะห์ร้าย นอนอยู่บนเตียงคนไข้ ในสภาพใบหน้าไหม้บวมพองไม่เหลือเค้าโครงเดิม รวมทั้งที่หน้าอกและลำตัว ถูกไฟเผาเป็นแผลฉกรรจ์ แพทย์ต้องดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด โดยดูแลบาดแผลและเอาผ้าพันแผลพันทับไว้

สอบสวนเบื้องต้น นายโยให้การแทนบุตรสาวที่ยังให้การไม่ค่อยสะดวกว่า เมื่อช่วงบ่าย วันที่ 26 ต.ค. ที่ผ่านมา ขณะบุตรสาวขี่รถจยย. มีญาติผู้หญิงกับหลานวัย 2 ขวบ นั่งซ้อนท้ายออกจากบ้านพัก จะไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มในตัวอำเภอ เพื่อนำเงินมาซื้ออุปกรณ์การเรียน ผ่านมาตามถนนในหมู่บ้าน ถึงบริเวณเขตติดต่อระหว่าง ต.เนินสว่าง กับ ต.ดงเสือเหลือง ถูกคนร้ายคือนายสุรศักดิ์ พูลแย้ม อายุ 24 ปี หนุ่มต่างหมู่บ้าน ซึ่งทำงานเป็นช่างก่อสร้าง และแอบหลงรักบุตรสาว ขี่รถ จยย. ตามมาชวนให้บุตรสาวหนีตามไปอยู่ด้วยกัน แต่บุตรสาวปฏิเสธ พร้อมเร่งเครื่องรถหนี แต่ถูกนายสุรศักดิ์ขี่รถไล่ตามจนทัน ใช้เท้าถีบรถจนล้มลงทั้งรถทั้งคน โดยญาติกับหลานสาวไม่ได้รับบาดเจ็บ

นายโยให้การต่อว่า จากนั้นนายสุรศักดิ์เดินลงจากรถ ใช้น้ำมันเบนซินบรรจุขวดเบียร์ที่เตรียมมา ราดใส่ใบหน้าและลำตัวบุตรสาว ก่อนจะจุดไฟแช็กโยนใส่จนไฟลุกพึ่บ ต่อหน้าต่อตาญาติคนดังกล่าว บุตรสาววิ่งหนีลงไปในบ่อน้ำใกล้ ๆ เพื่อใช้น้ำดับไฟที่ลุกท่วมใบหน้าและลำตัว พร้อมตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ ขณะที่คนร้ายยังแสดงความอำมหิตตามไปจับศีรษะกดน้ำซ้ำ กระทั่งมีชาวบ้านพลเมืองดีผ่านมาพบ คนร้ายจึงรีบขี่รถหลบหนีไป ส่วนพลเมืองดีรีบ พาบุตรสาวส่ง รพ. หลังเกิดเหตุพออาการดีขึ้น บุตรสาวและญาติได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง ตนจึงโทรศัพท์แจ้งตำรวจ ให้ติดตามจับกุมนายสุรศักดิ์มาดำเนินคดี

เบื้องต้นตำรวจคาดว่าสาเหตุมาจากนาย สุรศักดิ์ ซึ่งหลงรักฝ่ายหญิง และคบหากันมาประมาณ 1 ปี ถึงขนาดเคยขอฝ่ายหญิงแต่งงาน แต่ฝ่ายหญิงปฏิเสธ เพราะอยากเรียนหนังสือต่อ แต่นายสุรศักดิ์ยังตามตื๊อไม่เลิก สุดท้ายฝ่ายหญิงบอกเลิกราตัดสัมพันธ์ สร้างความเจ็บแค้นให้นายสุรศักดิ์ ก่อนเกิดเหตุจึงขี่รถมาชวนวิวาห์เหาะหนีไปอยู่ด้วยกัน แต่ฝ่ายหญิงยังใจแข็งปฏิเสธ นายสุรศักดิ์จึงลงมือล้างแค้นที่ถูกปฏิเสธรักอย่างอำมหิต ต่อมาเวลา 09.00 น. นายสมชัย หทยะตันติ ผวจ.พิจิตร พร้อมคณะ เข้าเยี่ยม อาการผู้เสียหาย และมอบเงินช่วยเหลือ พร้อมกำชับให้ตำรวจจับกุมคนร้ายให้ได้โดยเร็ว ขณะที่ พ.ต.อ.ไชยสิทธิ์ ทรัพย์สิน ผกก.สภ.โพธิ์ประทับช้าง เปิดเผยว่า พอรู้เบาะแสแล้วว่าคนร้ายหนีไปกบดานที่ไหน อยู่ระหว่างตามจับกุมตัว เชื่อว่าจะได้ตัวเร็ว ๆ นี้.

วันพุธที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2551

วางแผนลอบสังหาร "โอบามา" โจ๋คลั่งลัทธิ



เจ้าหน้าที่ของรัฐทำลายแผนลอบสังหาร “บารัค โอบามา” ตัวเต็งประธานาธิบดีสหรัฐในการเลือกตั้งวันที่ 4 พ.ย.นี้ โดยรวบได้ทันควัน 2 หัวโจกวัยโจ๋คลั่งลัทธินีโอ-นาซี เตรียมก่อเหตุสังหารหมู่ 102 คนในโรงเรียนคนผิวดำรัฐเทนเนสซี แล้วไล่ประกบยิงผู้สมัครจากเดโมแครตที่กำลังมีคะแนนนิยมห่างคู่แข่งแค่ 4 จุด เผยคนร้ายฝังใจเรื่องอำนาจคนผิวขาวและวัฒนธรรมสกินเฮด

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานจากกรุงวอชิง ตันประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 28 ต.ค. ว่า แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่สอบสวนเปิดเผยว่า เอกสารสำนวนส่งฟ้องศาลระบุว่า นายแดเนียล โควาร์ท วัย 20 ปี และ นายพอล ชเลส เซลแมน วัย 18 ปี ถูกเจ้าหน้าที่สำนักงานแอลกอฮอล์ ยาสูบ อาวุธปืนและวัตถุระเบิดของรัฐบาลกลางสหรัฐจับกุมได้เมื่อวันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมาในรัฐเทนเนสซี เพราะมีแผนการที่จะลอบสังหารนายบารัค โอบามา ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต แต่แผนการลอบสังหารไม่ได้เป็นแผนที่นำสมัยหรือใช้เทคโนโลยีชั้นสูงแต่อย่างใด แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่แน่ใจว่า คนร้ายจะมีความสามารถหรือวิธีการ ใด ๆ ที่จะดำเนินการตามแผนลอบสังหารนี้

ทั้งนี้ นายบารัค โอบามา จะเป็นประธา นาธิบดีสหรัฐสีผิวคนแรกในประวัติศาสตร์ หากเอาชนะคู่แข่งอย่างนายจอห์น แมคเคน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน ในการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในวันอังคารที่ 4 พ.ย.ที่จะถึงนี้ ดังนั้น เจ้าหน้าที่จึงวิตกกังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับความปลอดภัยของตัวนายโอบามา จึงต้องให้เจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการ ลับ ทำหน้าที่ดูแลด้านความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมงให้กับผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตผู้นี้นับตั้งแต่เขาเริ่มรณรงค์หาเสียง

นายไบรอัน วีคส์ เจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับสังกัดสำนักงานแอลกอฮอล์ ยาสูบ อาวุธปืน และวัตถุระเบิด เปิดเผยว่า คนร้าย 2 คนนี้เป็นเด็กหนุ่ม ไว้ผมทรงสกินเฮด และชื่นชมกลุ่มผิวขาวหัวรุนแรงหรือนีโอ-นาซี ถูกแจ้งข้อหาในระหว่างส่งฟ้องศาลดำเนินคดีเมื่อวันจันทร์ที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมาคือ ข่มขู่คุกคามชีวิตผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ มีอาวุธปืนในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และสมคบร่วมคิดวางแผนปล้นร้านจำหน่ายอาวุธปืน

จากการสอบสวนทราบอีกว่าทั้งคู่รู้จักกันทางอินเทอร์เน็ตมาประมาณ 1 เดือนแล้ว มีความเชื่อฝังใจในเรื่องอำนาจของคนผิวขาวและวัฒนธรรมสกินเฮด จึงได้ร่วมกันวางแผนสังหารหมู่แบบยิงกราดไม่เลือกหน้าที่โรงเรียนแห่งหนึ่งที่เลือกเป็นเป้าหมายไว้แล้ว ซึ่งมีนักเรียนเป็นคนอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันส่วนใหญ่ในรัฐเทนเนส ซี วางแผนจะฆ่าให้ได้ 88 คน และตัดคออีก 14 คน รวม 102 คน แล้วจะปิดท้ายการก่อเหตุรุนแรงด้วยการขับรถไล่จ่อยิงนายบารัค โอบามา ให้ทะลุกระจกหน้าต่างรถ

เจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับกล่าวต่อไปว่า คนร้ายทั้งสองยังวางแผนที่จะแต่งชุดทักซีโด้สีขาว และสวมหมวกทรงสูง ในการก่อเหตุ แต่ก็ต้องมาโดนจับกุมได้เสียก่อนที่จะลงมือทำการปล้นครั้งแรก โดยเจ้าหน้าที่ยังพบหลักฐานหน้ากากเล่นสกี อาหาร และเชือก รวมถึงตัวอักษรและสัญลักษณ์ด้านนอกรถยนต์ของนาย โควาร์ท เป็นเลข 14 และ 88 บนฝากระโปรง รวมถึงเครื่องหมายสวัสดิกะ เจ้าหน้าที่ระบุว่า เอช เป็นอักษรตัวที่ 8 ในภาษาอังกฤษ และ 88 ก็หมายถึงอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำนาซี ส่วนทีมงานหาเสียงของนายโอบามาซึ่งอยู่ที่รัฐเพน ซิลเวเนียยังไม่มีความเห็นใด ๆ ต่อเรื่องนี้

ผลการสำรวจความคิดเห็นประชาชน หรือโพลของสำนักข่าวรอยเตอร์ร่วมกับ ซี-สแปน และซ็อกบี้ ระบุว่า นายบารัค โอบามา มีคะแนนนิยมเหนือกว่านายจอห์น แมคเคน 4 จุด ใน ช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ โดยโอมาบานำแมคเคนร้อยละ 49 ต่อร้อยละ 45 จากการสำรวจความเห็นในช่วง 3 วันทั่วประเทศในสัปดาห์สุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง ด้วยวิธีการสอบถามทางโทรศัพท์และมีค่าเฉลี่ยความผิดพลาดอยู่ที่บวกลบร้อยละ 29.

วันอังคารที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ระทึกฮ.ช่วยชีวิต 91นศ.ออกค่าย



ออกค่ายฝนตก-ดินถล่ม

อุตุฯเตือน ภาคใต้ฝนตกหนักเหนือ-อีสาน อุณหภูมิลดอีก 1-2 องศา ระทึกทหาร ฉก.ร.4 ส่ง ฮ.ช่วย 91 ชีวิต นักเรียน-นักศึกษา-อาจารย์ไปออกค่ายอาสา ติดในหมู่บ้านกะเหรี่ยง บ้านแม่หละคี จ.ตาก หลังฝนตกหนัก ดินถล่มปิดทับตัดขาดเส้นทางเข้า-ออก ส่วนกู้ภัยเมือง กล้วยไข่ ช่วย 7 นักท่องเที่ยว ติดอุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้า ขณะที่ น้ำล้นสปริงเวย์ เขื่อนทับเสลา-เขื่อนห้วยขุนแก้ว อุทัยธานี ทะลักพังคันกั้นน้ำ ท่วมนาข้าวเสียหายหลายพันไร่

เมื่อวันที่ 27 ต.ค. กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศประจำวัน ว่าบริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนแผ่ปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือด้านตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศากับมีลมแรง สำหรับร่องความกดอากาศต่ำกำลังปานกลางพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคใต้ตอนบน และชายฝั่งของภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนตกหนาแน่น กับมีฝนตกหนักบางพื้นที่ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดราชบุรี เพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์ระวังอันตรายจาก สภาวะฝนตกหนักในระยะนี้ไว้ด้วย

ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.ตาก พ.อ. ผดุงยิ่ง พิบูลย์สุข ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 ได้นำเฮลิคอปเตอร์จำนวน 2 ลำ เข้าไปช่วยเหลือคณะนักเรียนนักศึกษา และอาจารย์ จากวิทยาลัยการอาชีพแม่สอดและโรงเรียนสรรพวิทยาคม รวม 91 คน ที่ไปออกค่ายอาสาพัฒนาก่อสร้างอาคารเรียน และมอบสิ่งของให้แก่ชาวบ้าน ที่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านแม่หละคี ต.แม่หละ อ.ท่าสองยาง ซึ่งอยู่กลางป่าลึกใกล้ชายแดนไทย-พม่า โดยเมื่อวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา หลังทำกิจกรรมเสร็จ ได้เกิดฝนตกหนัก ทำให้ดินจากภูเขาถล่มลงมา ปิดทับตัดขาดเส้นทางเข้า-ออก ขณะที่น้ำในลำห้วยไหลเชี่ยวกราด และมีระดับสูงกว่า 2 เมตร ทำให้คณะของนักศึกษาและอาจารย์ ไม่สามารถเดินทางกลับออกมาได้ เบื้องต้นเฮลิคอปเตอร์ทั้ง 2 ลำบินไปรับคณะของนักศึกษา และอาจารย์ในที่เกิดเหตุจำนวน 10 เที่ยว มาส่งที่สนามกีฬา เทศบาล ต.แม่ระมาด ซึ่งเป็นสถานที่ที่อยู่ใกล้ที่สุดโดยปลอดภัยทุกคน

ด้าน จ.กำแพงเพชร เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วม อุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้า ต.โกสัมพี อ.โกสัมพีนคร ซึ่งเป็นรอยต่อระหว่าง จ.กำแพงเพชรและ จ.ตาก ทำให้คอสะพานที่ข้ามไปยังน้ำตกคลองวังเจ้าขาด มีนักท่องเที่ยวติดในน้ำตกอยู่ 7 คน ทางศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 8 กำแพงเพชร และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.กำ แพงเพชร พร้อมทีมกู้ชีพกู้ภัยประจำตำบล ได้เข้าให้การช่วยเหลือและนำนักท่องเที่ยวออกจากสถานที่ท่องเที่ยวอย่างปลอดภัยแล้ว ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง และเผ่ากะเหรี่ยง บ้านโค๊ะ ป่าคา ป่าหมาก ต.โกสัมพี อ.โกสัมพีนคร ถูกตัดขาดจากภายนอก เนื่องจากสะพานทางเข้าหมู่บ้านทุกจุดถูกน้ำป่าพัดได้รับความเสียหาย โดย นายวันชัย อุดมสิน ผวจ. กำแพงเพชร ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมมีประชาชน ได้รับความเดือดร้อนทั้งสิ้น 22 หมู่บ้าน 6,000 ครัวเรือน

ส่วนที่ จ.อุทัยธานี ฝนที่ตกหนักติดต่อกัน ทำให้เขื่อนทับเสลา อ.ลานสัก มีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเกินปริมาตรเก็บกัก 160 ล้านลูกบาศก์เมตร จนน้ำล้นข้ามสปริงเวย์หรือ ทางระบายน้ำฉุกเฉิน ไหลลงสู่ลำห้วยทัพเสลา ทะลักพังแนวคันดินกั้นน้ำที่หมู่ 2 ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง กว้าง 40 เมตร ไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่นาข้าวของเกษตรกรที่ ต.ทุ่งโพ ต.หนองสรวง ต.อุทัยเก่า รวม 7 หมู่บ้าน ทำให้นาข้าวซึ่งอยู่ในระยะ 60 วันก่อนเก็บเกี่ยว ต้องจมอยู่ใต้น้ำได้รับความเสียหายทั้งหมด รวมทั้งบ้านเรือนราษฎร กว่า 40 หลังคาเรือน ส่วนเขื่อนห้วยขุนแก้ว อ.ห้วยคต ปริมาณน้ำเกินปริมาตรเก็บกักเช่นกัน ได้ไหลล้นข้ามสปริงเวย์ ลงสู่ลำห้วยและลำคลองธรรมชาติ เข้าท่วมพื้นที่การเกษตร และบ้านเรือนราฎร ทั้งในเขต อ.ห้วยคตและ อ.หนองฉาง เป็นพื้นที่หลายพันไร่

ด้าน นายชูศักดิ์ ศรีสุขจร นายก อบต. หนองไผ่ อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี กล่าวว่า สถานการณ์น้ำในขณะนี้ยังไม่น่าไว้วางใจ ยังต้องคอยเฝ้าระวังตลอด 24 ชม. เพราะยังมีการประกาศเตือนจากกรมอุตุนิยมวิทยาว่า อาจจะมีฝนตกหนักในพื้นที่และทำให้น้ำป่าเข้าท่วมซ้ำเบื้องต้นได้อพยพชาวบ้านในพื้นที่ประสบภัย 5 หมู่บ้าน ไปอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว โดยมีบ้านเรือนถูกน้ำท่วมเสียหาย 21 หลังคาเรือน พื้นที่ทางการเกษตรเสียหาย 2,765 ไร่ ถนนถูกตัดขาด 10 สาย.

วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ดาราหนุ่มร้องสื่อ เมียหายลึกลับ

หนุ่มดาราตัวประกอบภาพยนตร์-ละครชื่อดัง เรื่องหนุมานคลุกฝุ่น-เสน่ห์นางงิ้ว วิ่งโร่ร้องเหยี่ยวข่าวสีบานเย็นเมืองพัทยา ให้ช่วยตามหาเมียรัก หลังจากหายตัวไปอย่างลึกลับ สงสัยแก๊งค้ามนุษย์ลวงไปค้าประเวณีที่มาเลย์ วอนผู้ใดพบเห็นช่วยแจ้งเบาะแสโดยด่วน แฉเคยเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้กับหญิงสาววัย 20 ปีมาแล้ว ยืนยันเป็นเบาะแสมั่นใจแก๊งค้ามนุษย์ข้ามชาติมีอยู่จริง

เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 26 ต.ค. นายมานิตย์ พุทธาวงษ์ หรือนิด บางปลาม้า อายุ 42 ปี ดารานักแสดงตัวประกอบชื่อดัง อยู่บ้านเลขที่ 97 หมู่ 4 ต.ตะค่า อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี พร้อมด้วย น.ส.ขนิษฐา พุทธาวงษ์ อายุ 19 ปี บุตรสาว นักศึกษาปวส. ปี 4 วิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯและบรรดาญาติ ๆ นับสิบคน เดินทางเข้าพบ ผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ ประจำเมืองพัทยา จ.ชลบุรี เพื่อร้องทุกข์และขอความช่วยเหลือ หลังจากนางศรีคูณ ภาชินเลิศ อายุ 41 ปี ภรรยา อาชีพแม่ค้าขายขนมจีนและดอกไม้ ได้หายตัวไปอย่างลึกลับ โดยในเบื้องต้นคาดว่าน่าจะถูกแก๊งค้ามนุษย์ลวงไปขายแรงงานและค้าประเวณีที่ต่างประเทศ

นายมานิตย์ เปิดเผยรายละเอียดว่า ตนมีอาชีพเปิดร้านตัดผมอยู่ที่บ้านพัก ที่แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง กรุงเทพฯ และมีอาชีพเสริมรับงานแสดงทั้งภาพยนตร์และละคร ส่วนใหญ่จะได้รับบทบาทเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยมีผลงานการแสดงมาแล้วกว่า 200 เรื่อง อาทิ เรื่องหนุมานคลุกฝุ่นและเสน่ห์นางงิ้ว ส่วนนางศรีคูณ ภรรยา ประกอบอาชีพขายขนมจีนน้ำยาและดอกไม้สด โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา ภรรยาโทรศัพท์มาบอกกับพ่อว่าจะไปซื้อของที่ปากคลองตลาด จนเวลาผ่านไปนานผิดสังเกตยังไม่เห็นภรรยากลับบ้าน จึงโทรศัพท์ตามหา แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ตนและลูกสาวจึงเดินทางไปดูที่ร้านขายขนมจีน แต่ไม่พบตัวและทราบจากแม่ค้าขายของอยู่ใกล้กันว่า ภรรยาโทรศัพท์มาบอกว่าให้ช่วยเก็บร้านด้วย เพราะจะเดินทางไปหาหลานสาว มีสามีเป็นชาวต่างประเทศ อาศัยอยู่ที่ จ.ชลบุรี จึงโทรศัพท์สอบถามหลานสาวและได้รับการยืนยันว่าไม่พบภรรยาแต่อย่างใด

นายมานิตย์ กล่าวต่ออีกว่า กระทั่งวันที่ 22 ต.ค. ได้โทรศัพท์มาหาและร้องไห้ฟูมฟายอ้างว่าถูกคนร้ายจับตัวไปขังในห้องมืด ๆ พร้อมกับหญิงสาวอีก 4 คน แต่ไม่ทราบว่าเป็นสถานที่ใด ก่อนโทรศัพท์จะถูกตัดสายไปและไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย จนกระทั่งวันที่ 23 ต.ค. ภรรยาโทรศัพท์มาหาอีกครั้งพร้อมกับบอกว่ายืมโทรศัพท์ของหญิงสาวที่ถูกจับไปด้วยกันแอบโทรฯมาหา และบอกว่ากำลังจะถูกคนร้ายส่งตัวไปขายที่ประเทศมาเลเซีย จึงตัดสินใจเดินทางเข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท.กิตติศักดิ์ บุญเสริมศักดิ์ ร้อยเวร สน.บางขุนเทียน พร้อมกับร้องขอให้ทำเรื่องส่งเอกสารไปเช็กข้อมูลเบอร์โทรศัพท์ที่ภรรยาใช้ติดต่อเข้ามา จนทราบว่าครั้งแรกโทรฯมาจาก จ.สุราษฎร์ธานี และครั้งที่ 2 โทรฯมาจากย่านพัทยาใต้ ใกล้เคียงศูนย์การค้าแห่งหนึ่ง หมู่ 9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ตนกับลูกสาวและบรรดาญาติรวม 10 คน จึงเข้าแจ้งความกับพ.ต.ท.ธวัชชัย สุดสาคร พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ให้ช่วยตามหาภรรยา แต่ยังไม่พบตัวและเบาะแสใด ๆ ทั้งสิ้น

จนกระทั่งต่อมานายมานิตย์ ได้นำภาพถ่ายขนาดโปสการ์ดถ่ายคู่กับภรรยามาให้ผู้สื่อข่าวดู พร้อมกับวอนหากใครพบเห็นช่วยแจ้งเบาะแสด้วย ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อหลายเดือนก่อนได้เกิดเหตุลักษณะเดียวกันนี้ โดยหนุ่มใหญ่ ชาว อ.ศรีราชา อาชีพขับรถสองแถวและญาติ ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา ให้ช่วยตามหาบุตรสาว อายุ 20 ปี หลังจากบุตรสาวได้แอบโทรศัพท์เข้ามาบอกว่าถูกแก๊งคนร้ายจับตัวไปคุมขังอยู่ในตึกแห่งหนึ่ง ย่านถนนวอล์คกิ้งสตรีท และกำลังจะถูกส่งตัวไปขายที่ประเทศมาเลเซียและทางตำรวจได้ระดมกำลังออกค้นหาแล้ว แต่ไม่พบตัวแต่อย่างใด จึงเชื่อว่าแก๊งค้ามนุษย์ข้ามชาติน่าจะมีอยู่จริง และออกอาละวาดหลอกเหยื่อในพื้นที่เมืองพัทยาและภาคตะวันออกไปค้าประเวณียังต่างประเทศ อย่างไร ก็ตาม เจ้าหน้าที่จะได้เร่งตรวจสอบข้อมูลอีกครั้งว่าเรื่องทั้งหมดมีที่มาที่ไปหรือข้อเท็จจริงอย่างไรต่อไป.

สุนัขสร้างวีรกรรม ช่วยปกป้องลูกแมว ในกองเพลิง

สุนัขบ้านตัวหนึ่งในเมลเบิร์น สร้างวีรกรรมเสี่ยงชีวิตปกป้องลูกแมว 4 ตัวที่ติดอยู่ในบ้านที่ถูกไฟไหม้


เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ โดยเกิดไฟไหม้ขึ้นในบ้านหลังหนึ่งทางตะวันตกของ เขตชานเมืองเซดดอน ในเมืองเมลเบิร์นของออสเตรเลีย ทำให้สมาชิกในบ้าน 4 คน ที่ มีสตรีเจ้าของบ้านวัย 37 ปี และลูกชายวัย 18 ปี รวมทั้งลูกสาว 2 คนวัย 11 ขวบ และ 5 ขวบ พร้อมด้วยเจ้าบาร์นีย์ สุนัขที่เลี้ยงไว้ในบ้านได้หนีเปลวเพลิงออกจากบ้านมาได้ แต่ในบ้านหลังนี้ยังมีสุนัขอีกตัวหนึ่งชื่อ ลีโอ และลูกแมวอีก 4 ตัว

ขณะที่ทุกคนพร้อมกับสุนัข 1 ตัว รีบหนีเปลวเพลิงออกมานอกบ้าน แต่เจ้าลีโอไม่ยอมทิ้งลูกแมว 4 ตัวที่ติดอยู่ในบ้าน เมื่อพนักงานดับเพลิงไปถึงบ้านหลังนี้ จึงพบเจ้าลีโออยู่ในห้องนอนเฝ้ากล่องกระดาษที่มีลูกแมวตัวน้อย 4 ตัวอยู่ในนั้น แต่ผลจากความกล้าหาญของลีโอ ทำให้มันหมดสติจากการสำลักควันและโดนรมความร้อน

พนักงานดับเพลิงได้ช่วยกันพาลีโอและลูกแมวออกจากบ้านเพื่อช่วยชีวิต โดยพวกเขาช่วยกันนวดกระตุ้นหัวใจ พร้อมกับให้ออกซิเจนเจ้าลีโอ และในที่สุดลีโอก็ฟื้นขึ้นมา และลูกแมวก็ปลอดภัย

ส่วนลูกสาววัย 11 ปีของเจ้าของบ้านก็สำลักควันและถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล ขณะที่คนอื่นปลอดภัยไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ และขณะนี้ตำรวจกำลังค้นหาสาเหตุของต้นเพลิงอยู่

ลิงคลั่งกัดเหวอะ! เจ็บสาหัสถึง3ราย


เจ้าจ๋อคลั่งกัดกระชากเจ้าของกับลูกชายหญิง บาดเจ็บสาหัสทั้ง 3 คน หลังหลุดออกมาจากกรงที่เลี้ยงไว้ จากนั้นไล่ขย้ำฟัดดะไม่เลือกหน้า จนมือกับลำตัวเหวอะหวะ หมอต้องเย็บแผลให้หลายเข็ม กว่าจะสิ้นฤทธิ์ได้ใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง โดยมูลนิธิต้องใช้เชือกทำบ่วงบาศ คล้องลำตัวและไม้งัดปากจับใส่กระสอบ แฉเป็นลิงกังเพศผู้อายุ 15 ปี ครั้งแรกเจ้าของจะให้ตำรวจยิงทิ้ง แต่ลูกสาวเจ้าของบ้านขอชีวิต เพราะรักมันมากแม้จะกัดพ่อ พี่ชายและพี่สาวปางตาย เข็ดต่อไปไม่เลี้ยงสัตว์อะไรอีกแล้ว

เจ้าจ๋อคลั่งไล่ขย้ำเจ้าของจมเขี้ยวรายนี้ เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 26 ต.ค. ร.ต.อ.บรรจง แสงปรีชา ร้อยเวร สภ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งมีลิงกังหลุดออกมาจากกรง และทำร้ายเจ้าของจนบาดเจ็บหลายราย จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุบ้านเลขที่ 98 หมู่ 3 ต.วังน้อย เป็นบ้านสองชั้นครึ่งตึกครึ่งไม้ มีกำแพงล้อมรอบมิดชิด และมีป่ากกขึ้นอยู่ตามริมกำแพง เรื่อยไปจนถึงบริเวณหลังบ้าน ภายในบ้านพบหยดเลือดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ ส่วนคนเจ็บคนในบ้านพาส่ง รพ.ทราบชื่อต่อมานายสนั่น จันตรี อายุ 82 ปี เจ้าของบ้าน ถูกลิงกังมรณะกัดที่มือทั้งสองข้าง กับลำตัวเป็นแผลเหวอะหวะ

รายที่สองชื่อนายชานนท์ จันตรี อายุ 47 ปี บุตรชายนายสนั่น โดนกัดที่มือกับลำตัวเช่นกัน รายที่สามนางศรีนวล จันตรี อายุ 55 ปี พี่สาวนายชานนท์ ถูกกัดที่แขนเหวอะหวะ โดยทั้งหมดแพทย์ได้เย็บบาดแผล และฉีดยากันบาดทะยักกับให้ยาแก้ปวดกิน ส่วนเจ้าจ๋อมหาภัยทราบว่าชื่อเจ้าจ๊อด เป็นลิงกังเพศผู้ อายุ 15 ปี วิ่งกระโดดอยู่ในบ้านที่เกิดเหตุ พอเห็นเจ้าหน้าที่เลยแตกตื่นตกใจ โกยอ้าวเผ่นออกไปทางป่าหลังบ้าน ก่อนจะปีนขึ้นไปบนต้นไม้ เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง ถึงจะจับเจ้าลิงมฤตยูตัวนี้ได้ โดยใช้เชือกทำบ่วงบาศรัดตัวนำลงมาข้างล่าง และอีกคนใช้ไม้งัดปากไว้ เพื่อไม่ให้มันดิ้น จากนั้นนำถุงกระสอบมาใส่ ก่อนที่ น.ส. เนตรชนนี จันตรี อายุ 21 ปี ลูกสาวเจ้าของบ้าน จะประสานกรมอุทยานคุ้มครองสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ให้มารับตัวไปเพื่อนำไปไว้ที่อุทยานแห่งชาติ หรือสวนสัตว์ดูแลต่อไป

จากการสอบถามนายชานนท์เปิดเผยว่า บ้านตนเลี้ยงเจ้าจ๊อดมาตั้งแต่ยังเล็ก จนอายุได้ 15 ปี โดยสร้างกรงตั้งไว้ที่ป่าริมกำแพง ต่อมามันเริ่มตัวใหญ่ขึ้น เลยทำให้กรงเล็กลงตามลำดับ และไม้ผุพังไปตามกาลเวลา กระทั่งเมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 25 ต.ค. ขณะที่ตนกับพ่อและพี่สาว นั่งเล่นกันอยู่ในบ้าน จู่ ๆ เจ้าจ๊อดซึ่งไม่รู้ว่าหลุดออกจากกรงมาตั้งแต่เมื่อไร วิ่งเข้ามาในบ้าน พ่อตนเห็นดังนั้นเลยเข้าไปจับเพื่อนำไปใส่กรง เลยถูกเจ้าจ๊อดกัดที่มือและลำตัวเลือดไหลโชก พี่สาวตนเห็นเลยเข้าไปช่วยพ่อ จึงถูกเจ้าจ๊อดกัดไปอีกคน

นายชานนท์เล่าเหตุการณ์ระทึกขวัญให้ฟังต่อว่า พอตนเห็นดังนั้นเลยคว้าไม้ที่อยู่ใกล้มือ หวดเจ้าจ๊อดจนหมดสติ จากนั้นตรงเข้าไปช่วยพ่อกับพี่สาว บังเอิญเจ้าจ๊อดตื่นขึ้นมา และตรงเข้ามากัดตนเป็นคนที่สาม ก่อนมันจะวิ่งหลบ หนีไป ตนจึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบดังกล่าว นอกจากนี้ครั้งแรกตนตั้งใจจะให้ตำรวจยิงทิ้ง แต่น้องสาวตนขอร้อง เพราะเขารักเจ้าจ๊อด เลยให้เจ้าหน้าที่นำไปเลี้ยงดีกว่า ต่อไปที่บ้านคงจะไม่เลี้ยงสัตว์อะไรอีกแล้ว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่า เจ้าจ๊อดคงโดนขังอยู่ในกรงมาเป็นเวลานาน ประกอบกับกรงที่ขังไว้เล็ก เลยทำให้มันเครียดและไม่ค่อยชอบคน พอกรงผุพังจึงหลุดออกมา ก่อนจะก่อเหตุสยองดังกล่าว.

วันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2551

เตือน! อย่าตื่นทหาร 12กองพัน เข้ากรุง

"แม่ทัพ 1" เตือนอย่าตกใจ ทหาร 12 กองพันเข้ากรุง


พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวถึงสถานการณ์ในขณะนี้ว่า ผบ.เหล่าทัพยังไม่มีการนัดหารือกันเป็นพิเศษ ส่วนกระแสข่าวการปฏิวัติเป็นเพียงข่าวลือ กองทัพไม่มีแนวความคิดนี้แน่นอน เพราะเป็นแนวคิดที่ไม่เป็นผลดีต่อประเทศชาติ

ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะโฟนอินเข้ามาในรายการ "ความจริงวันนี้" ในวันที่ 1 พฤศจิกายน พล.อ.ทรงกิตติกล่าวว่า ไม่อยากออกความเห็น และที่ผ่านมายังไม่เห็นมีความชัดเจนอะไร หลายฝ่ายคาดเดากันไปเอง

พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ปฏิเสธกระแสข่าวการเตรียมปฏิวัติว่า กองทัพจะมีการเคลื่อนกำลังเพื่อซ้อมสวนสนามของทหารราชวัลลภในวันที่ 26 ตุลาคมนี้

เนื่องในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งจะมีพิธีสวนสนามจริงในวันที่ 2 ธันวาคม

โดยจะมีการซ้อมทุกวันอาทิตย์ และจะมีหน่วยทหารทั้งหมด 12 กองพัน ร่วมสวนสนาม ทั้งกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ

และกำลังที่อยู่ในต่างจังหวัด เช่น ปราจีนบุรี ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ที่จะเคลื่อนเข้ามาในคืนวันที่ 25 ตุลาคม และเช้ามืดวันที่ 26 ตุลาคม

แม่ทัพภาคที่ 1 ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการกล่าวปราศรัยพาดพิงสถาบันด้วยว่า “กราบวิงวอนขอให้ประชาชนทุกท่านที่มีความจงรักภักดีเลื่อมใสในพระองค์ท่าน ช่วยกันถนอมพระองค์ท่านไว้ พระองค์ทรงมีพระชนมพรรษามากแล้ว

สิ่งใดที่เป็นการกระทำที่ไม่บังควร หรือหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ขอวิงวอนให้เลิก อย่าให้ประชาชนส่วนใหญ่ที่แสดงออกถึงความจงรักภักดี

ต้องมีความคับแค้นใจในเรื่องนี้ กองทัพจะพยายามอย่างเต็มที่ในการดูแลเรื่องเหล่านี้ให้เป็นไปตามกฎหมาย เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์จะละเมิดมิได้”

มีรายงานข่าวแจ้งว่า หน่วยทหารทั้ง 12 กองพันที่จะเข้ามานั้น เคยเป็นกำลังสำคัญในการเข้ายึดอำนาจ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 มาแล้ว

ขณะที่แหล่งข่าวทหารเปิดเผยว่า ขณะนี้หน่วยข่าวทางทหารจับตาการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งมีข่าวว่าจะมีการเชื่อมสัญญาณสดมายังประชาชนทุกหมู่บ้านว่า กรณีนี้ถ้าไม่มีการถ่ายทอดสดก็จะออกเป็นซีดีแจกชาวบ้าน

เพื่อแสดงให้เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่จำนนต่อคำพิพากษาของศาล และทำให้ชาวบ้านมองว่า พ.ต.ท.ทักษิณถูกกลั่นแกล้ง ซึ่งอาจมีการระดมคนเข้ามาทำให้สถานการณ์รุนแรงขึ้นอีก

ขณะที่ทหารก็จับตาความเคลื่อนไหวเป็นระยะๆ เพื่อไม่ให้สังคมมีความแตกแยก และขอวิงวอนคนไทยให้มีความรักสามัคคีมากขึ้น

สอ.เมาซ่าถีบหน้าตร.พังโรงพัก

" ส.อ." เมาซ่าซิ่ง เก๋งชนแอคคอร์ดคู่กรณีแล้วหนี โดนไล่ตามจนทันย่านนวมินทร์ ลงจากรถสภาพเมาแอ๋ ตร.มาระงับเหตุ อ้างตัวเป็น "พ.ท." อาละวาดไม่ยอมให้จับ

แถมใช้กาแฟสาดหน้าสายตรวจ ถูกจับล็อกใส่รถไปโรงพักถีบหน้าตร.อีก ถึงสน.ยังซ่าไม่เลิกพังวงจรปิดในห้องขังจนเสียหาย โดนไปอ่วมหลายข้อหา ผู้บังคับบัญชาตามมาดูถึงกับส่ายหน้า

เมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 25 ต.ค. ร.ต.อ.จิระพันธุ์ รุจิระกุล พนักงานสอบสวน สน.ลาดพร้าว รับแจ้งเหตุรถเฉี่ยวชนกันบนถนนนวมินทร์ ระหว่างซอยนวมินทร์ 109-111 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม.

จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมตำรวจสายตรวจ ที่เกิดเหตุพบรถเก๋งฮอนด้า แอคคอร์ด สีน้ำเงิน ทะเบียน วค 8815 กทม. มีนายมนัสวิน นุชนาถ อายุ 26 ปี เป็นคนขับ จอดขวางหน้ารถเก๋งโตโยต้า คัมรี่ สีเทา ทะเบียน พย 9662 กทม.

คนขับทราบชื่อภายหลังว่า ส.อ.ประพัตร์ เพ็งแข อายุ 43 ปี อยู่ในสภาพเมามายอย่างหนัก โดยทั้งคู่กำลังโต้เถียงกันอย่างรุนแรง ไม่สามารถตกลงกันได้

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปช่วยเจรจาไกล่เกลี่ย แต่ส.อ.ประพัตร์อยู่ในอาการเมาสุราอย่างหนัก พูดจาเอะอะโวยวายไม่ยอมรับผิด แล้วยังด่าทอตำรวจด้วยถ้อยคำรุนแรงหยาบคาย

โดยอ้างตัวว่าเป็นนายทหารยศ "พ.ท." เจ้าหน้าที่จึงเชิญตัวคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายไปสอบสวนที่ สน.ลาดพร้าว แต่ส.อ.ประพัตร์ไม่ยอม อ้างว่าต้องให้ เสธ.แดง และวิทย์ บางแค มาเคลียร์

ส.ต.อ.พิชัย ศรีอุ้มสุข และด.ต.วิวัฒธนา ทวีอร่ามเรือง ผบ.หมู่ ป.สน.ลาดพร้าว พยายามเกลี้ยกล่อม แต่ส.อ.ประพัตร์ไม่ยอมไปโรงพัก บอกว่าขอคุยกับนายใหญ่ก่อน คนอื่นไม่เกี่ยว

แล้วอาศัยทีเผลอสาดกาแฟร้อนที่เพิ่งซื้อจากร้านเซเว่นฯ ใส่หน้าส.ต.อ.พิชัย และพยายามปรี่เข้าต่อย เจ้าหน้าที่จึงช่วยกันล็อกตัวใส่กุญแจมือคุมตัวมาสอบสวนที่โรงพัก

แต่ขณะนำตัวขึ้นกระบะท้ายรถสายตรวจ ส.อ.ประพัตร์ใช้เท้าถีบหน้าด.ต.วิวัฒธนาขณะปิดกระบะท้ายรถอย่างแรงจนบาดเจ็บ

เป็นแผลช้ำบวมบริเวณแก้มซ้าย เจ้าหน้าที่ค้นตัวส.อ. ประพัตร์ที่อ้างว่าเป็นนายทหารยศพ.ท. พบเอก สารระบุชื่อ ส.อ.ประพัตร์ เพ็งแข อายุ 43 ปี สังกัดกรมสารวัตรทหารบก (สห.ทบ.)

ส.ต.อ.พิชัย กล่าวว่า ระหว่างออกตรวจตราท้องที่ได้รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุแล้วคู่กรณีตกลงกันไม่ ได้ จึงไปช่วยร้อยเวรที่บริเวณจุดเกิดเหตุ

เมื่อไปถึงพบว่าส.อ.ประพัตร์เอะอะโวยวายด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย พร้อมกับอ้างว่าตัวเองเป็นนายทหารยศพ.ท. และพยายามปรี่เข้ามาชกต่อย

ตนต้องใช้มือดันตัวออกไป ระหว่างนั้นส.อ.ประพัตร์สาดกาแฟร้อนใส่หน้าตนแล้วยังตรงเข้าทำร้าย ตนและเพื่อนตำรวจต้องช่วยกันล็อกตัวใส่กุญแจมือ

ด้านด.ต.วิวัฒธนา กล่าวว่า ตนตามมาสมทบทีหลัง ส.อ.ประพัตร์เมามากและรูปร่างสูงใหญ่ ตนต้องเข้าไปช่วยเพื่อนตำรวจควบคุมตัวไว้ เมื่อนำขึ้นกระบะท้ายรถสายตรวจ ส.อ.ประพัตร์

เอนตัวลงนอนกับกระบะรถ ตนไม่ได้เอะใจอะไรเพราะเหตุการณ์ตอนนั้นเริ่มสงบแล้ว แต่จังหวะที่กำลังปิดฝาท้ายรถก็ถูกส.อ.ประพัตร์ถีบเข้าหน้าอย่างจังจนบวมช้ำ

ขณะ ที่นายมนัสวิน คู่กรณีส.อ.เมากร่างกล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุกำลังขับรถกลับบ้าน แต่ถูกรถคู่กรณีขับมาชนประตูด้านซ้ายจนเป็นรอยบุบแล้วขับหลบหนี

ตนไม่ยอมขับไล่ตามไปปาดหน้าเพื่อให้หยุดรถมาตกลงพูดคุยกัน กระทั่งมาหยุดได้ช่วงบริเวณซอยนวมินทร์ 111

ตนลงจากรถไปเคาะกระจกเพื่อให้ลงมาตกลงกัน แต่คู่กรณีเอะอะโวยวาย บอกว่าเป็นทหารพร้อมกับข่มขู่ต่างๆ นานา ตนเลยรีบแจ้งตำรวจให้มาช่วยเหลือ

ร.ต.อ.จิระพันธุ์กล่าวว่า เบื้องต้นแจ้งข้อหาต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ ทำร้ายเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่กับส.อ.ประพัตร์ ส่วนข้อหาขับรถขณะมึนเมาสุรายังไม่ได้แจ้ง

เพราะยังไม่สามารถให้เป่าเครื่องวัดระดับแอลกอฮอล์ได้ เนื่องจากส.อ.ประพัตร์ยังควบคุมสติอารมณ์ไม่ได้และไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้า หน้าที่

จึงควบคุมตัวไว้ในห้องขังเพื่อให้สงบสติอารมณ์ก่อนแจ้งต้นสังกัดรับทราบ และตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในภายหลัง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะตำรวจควบคุมตัวมาที่ สน.ลาดพร้าว ส.อ.ประพัตร์ยังพูดจาเอะอะโวยวายตลอดเวลา เมื่อเข้าไปในห้องขังได้ทำลายหลอดไฟและกล้องวงจรปิดจนเสียหาย

ต่อมาผู้บังคับบัญชาของส.อ.ประพัตร์เดินทางมาที่โรงพัก เมื่อได้ฟังคำชี้แจงจากร้อยเวรและเห็นสภาพของส.อ.ประพัตร์ในห้องขังแล้ว

ถึงกับส่ายศีรษะ บอกให้ร้อยเวรขังเอาไว้ก่อนแล้วจะส่งทหารพระธรรมนูญมาดำเนินการตามขั้นตอน ต่อไป