วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ผบ.ทบ.เรียกถกด่วน! แก้วิกฤตปท.บ่าย2 ชี้พธม.ขัดจุดยืนกองทัพ 3 ข้อ

ผบ.ทร.ชี้พธม.ขัดจุดยืนกองทัพ 3 ข้อ รับรู้สึกอึดอัดใจ ปลัดกลาโหมติงเลิกบีบ ผบ.ทบ. ให้ปฏิวัติ บอกยิ่งทำให้บ้านเมืองถอยหลังลงคลอง อนุพงษ์ ยันมติ 3 เหล่าทัพไม่ปฏิวัติแน่ ยึดจุดยืน 3 ข้อ ป้องกันชาติ-ศาสน์-กษัตริย์ ยุติรุนแรง ยึดกระบวนการยุติธรรม มทภ.1 ชี้นิ้วขึ้นฟ้าหลังโดนถามปฏิวัติ

ผบ.ทบ. เรียกประชุมทุกส่วนหาทางแก้วิกฤต

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ร่วม ขอเรียนเชิญหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง ทบวง กรมหรือเทียบเท่า นายกสมาคมทุกสาขาอาชีพ ประธานอุตสาหกรรมไทย ประธานหอการค้าไทย ประธานการท่องเที่ยวไทย ประธานสมาคมธนาคารไทย อธิการบดีทุกมหาวิทยาลัยเข้าร่วมประชุมเพื่อหารือแนวทางการยุติสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เวลา 14.00 น.ของวันนี้ (26 พ.ย.) ที่ห้องประชุม 241 กองบัญชาการกองทัพบก

ผบ.ทร.ชี้พธม.ขัดจุดยืนกองทัพ 3 ข้อ รับรู้สึกอึดอัดใจ

พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) กล่าวเมื่อวันที่ 26 พ.ย.ว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เมื่อวานนี้ (25 พ.ย.) ขัดกับจุดยืนของกองทัพ 3 ข้อ ซึ่ง 1 ใน 3 ข้อ คือ ไม่ต้องการให้เกิดการปะทะกันระหว่างคน 2 กลุ่ม โดยยอมรับว่า อึดอัดใจมากกับสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ เพราะประเทศชาติต้องก้าวหน้าต่อไป เราเดินต่อไปไม่ได้ ประชาชนเดือดร้อนมาก ไม่รู้ทำอย่างนี้นานๆ เข้า ผลกระทบจะยิ่งมาก

พล.ร.อ.กำธร ยืนยันว่า กองทัพไม่ได้นิ่งเฉยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ต้องใช้ความสุขุมรอบคอบพิจารณาผลดีผลเสียของการดำเนินการตามแนวทางต่างๆ และยอมรับว่า บทเรียน 19 ก.ย. 2549 ทำให้กองทัพต้องไตร่ตรองให้รอบคอบมากขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จุดยืนของกองทัพ ซึ่ง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ระบุเมื่อวานนี้ มี 3 ข้อ 1.ทหารทุกเหล่าทัพจะดูแลประเทศชาติบ้านเมือง โดยมีแนวคิดดูแลสถาบันหลักของชาติ และประชาชนไว้ให้ได้ 2.ส่วนเรื่องประกันว่าจะไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น ผบ.เหล่าทัพเห็นตรงกันว่าจะใช้มาตรการและศักยภาพทั้งหมดที่มีอยู่ เพื่อไม่ให้คนมาปะทะกันทำให้เกิดความสูญเสียขึ้น และ 3.ยึดแนวทางกระบวนการยุติธรรม หรือกฎหมายเป็นหลักในการช่วยกันแก้ไขปัญหาสถานการณ์บ้านเมือง

ปลัดกลาโหมฮึ่ม! พันธมิตรเลิกบีบให้ปฏิวัติ

เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 25 พฤศจิกายน ที่โรงแรมโฟร์ ซีซั่นส์ ถนนวิทยุ เครือข่ายปัญญาสยาม แถลงข่าวเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก และขอให้กลุ่มพันธมิตรยุติการชุมนุม โดยนายสมบัติ ธำรงธัญญวงศ์ อธิการบดีสถานบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ที่ปรึกษาเครือข่ายฯ กล่าวว่า หากสถานการณ์ยังเป็นอย่างนี้อยู่ต่อไป จะยิ่งรุนแรงขึ้น เครือข่ายฯจึงขอเสนอ 2 ข้อ คือ 1.ให้รัฐบาลลาออก 2.กลุ่มพันมิตรยุติการชุมนุม หลังจากนี้จะเสนอเอกสารต่อรัฐบาลและพันธมิตรต่อไป

พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุก อดีตผู้บัญชาการทหารอากาศ สมาชิกเครือข่ายฯ ตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงการรัฐประหารยุติปัญหาเหมาะสมหรือไม่ว่า คงไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศในขณะนี้ เชื่อว่าจะไม่เกิดขึ้น เมื่อปัญหาเกิดขึ้นจากการเมืองควรแก้ไขด้วยการเมือง การทำรัฐประหารขึ้นกับปัจจัยหลายอย่าง ทั้งสถานการณ์และ ผบ.เหล่าทัพในขณะนั้น

วันเดียวกัน พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ ถึงจุดยืนกองทัพต่อการสถานการณ์การเมืองและการปิดล้อมสถานที่สำคัญๆของ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่า แนวทางออกที่ผู้บัญชาการ (ผบ.)เหล่าทัพพูดคุยกัน ไม่ใช่ว่าไม่ห่วงสถานการณ์ หรือชาติบ้านเมือง สิ่งที่ ผบ.เหล่าทัพคิด คือพยายามอดทน อดกลั้น และยอมเจ็บพอสมควร ถ้าทำตามกลุ่มพันธมิตรที่ต้องการให้ทหารออกไปทำอะไร ยิ่งทำให้ชาติบ้านเมืองถอยหลังลงคลองและเลวร้ายไปอีก ผบ.เหล่าทัพคุยกันว่าอยากเห็นบ้านเมืองก้าวหน้ามากกว่าจะเห็นนานาประเทศ บอยคอตไทย ยิ่งกลายเป็นปัญหา

"ผมไม่อยากให้กลุ่มพันธมิตรบีบผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)ทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะจะทำให้ชาติบ้านเมืองยิ่งเลวร้ายหนักลงไปอีก อยากขอร้องอย่าไปกดดัน ผบ.ทบ. เพราะไม่มีประโยชน์ และไม่มีอะไรดีขึ้น สิ่งที่กลุ่มพันธมิตรกล่าวหาว่า ทหารไม่ทำอะไร แต่สิ่งที่ทหารทำอยู่ถือว่ายิ่งใหญ่กว่าที่เขาเรียกร้อง เพราะความอดทนไม่ใช่สิ่งที่ทำได้ง่ายๆ ดังนั้นอย่าบีบให้เราต้องมาทำในสิ่งที่เราคิดว่าไม่ใช่เป้าหมายของประเทศ ชาติ" ปลัดกระทรวงกลาโหมกล่าว

พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า เชื่อว่ากลุ่มพันธมิตรต้องการเอาระบบการเมืองใหม่เข้ามาแก้ไขปัญหา เป้าหมายคือต้องการความเจริญก้าวหน้าของประเทศชาติ ไม่อยากเห็นการคอร์รัปชั่นการทุจริต สิ่งที่ต้องการ ทุกฝ่ายคิดเหมือนกัน แต่วิธีดำเนินการไม่เหมือนกัน เชื่อว่ายังสามารถคุยกันได้ ทางออกที่ดีที่สุดคือการเจรจาทั้ง 2 ฝ่าย ถอยกันคนละก้าวมาพูดคุยหาทางออกให้บ้านเมือง หรือหาคนกลางช่วยกันพิจารณาทางออก ขณะนี้ดูอยู่ว่าจะหาใครมาเป็นคนกลาง

พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวว่า ตนกับ ผบ.เหล่าทัพหารือคุยกันตลอดเวลา ซึ่งทุกคนคิดเหมือนกัน เจตนารมณ์การทำงานของกองทัพ ยึดมั่นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อชาติ ราชบัลลังก์ และประชาชน ทำทุกอย่างให้ประเทศชาติมั่นคงตามอำนาจหน้าที่ในรัฐธรรมนูญ ผู้สื่อข่าวถามว่า กองทัพจะปล่อยให้ชุมนุมต่อไปเรื่อยๆ พล.อ.ทรงกิตติ กล่าวว่า ไม่ใช่ ปัญหาของประเทศคือการแก้ไขโดยบุคคลรับผิดชอบ ขณะนี้ทุกคนเอาทุกอย่างมารวมกัน แล้วกำหนดให้เป็นหน้าที่ทหาร เมื่อถามต่อไปว่า ยืนยันจุดยืนเดิมหรือไม่ว่ากองทัพจะไม่ปฏิวัติ พล.อ.ทรงกิตติ กล่าวว่า “ยืนยัน นั่งยัน นอนยัน อยากถามว่าต้องการให้ทหารออกมาปฏิวัติอีกเหรอ”

ด้าน พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าวว่า กองทัพมีจุดยืน 3 ประการ 1.ดูแลปกป้องสถาบันหลักของชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2.ในฐานะที่เป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงาน รับมอบหมายให้ดูแลความสงบเรียบร้อย ต้องการให้บุคคลที่มีความขัดแย้ง ไม่ใช้ความรุนแรง ไม่ว่าเป็นฝ่ายใด ไม่ให้ประชาชนบาดเจ็บ 3.การดำเนินการใดควรเป็นไปตามครรลองของกฎหมาย หรือกระบวนการยุติธรรมเป็นหลัก ซึ่ง ผบ.เหล่าทัพ ยึดแนวทางใน 3 ประการ เพราะไม่อยากให้ใช้ความรุนแรง ให้ใช้ความสุขุมรอบคอบ สันติวิธี

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. กล่าวถึงการดูแลการชุมนุมว่า มีแผนเตรียมไว้รองรับ แต่ขณะนี้ยังไม่มีสิ่งบอกเหตุว่าจะเกิด แต่ให้กำลังเตรียมพร้อมไว้แล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่า อยากให้กระแสสังคมตัดสินการชุมนุม แต่กองทัพอยู่เฉยๆ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ผบ.เหล่าทัพคุยกัน และยืนยันว่าสถานการณ์ขณะนี้อยู่ในสถานะที่เป็นการแสดงความคิดเห็น ไม่มีความรุนแรง กองทัพเห็นตรงกันในจุดยืน 3 ประการ

เมื่อถามว่า แสดงว่าทหารจะไม่ใช้การปฏิวัติอย่างที่หลายฝ่ายเรียกร้อง พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ทุกเหล่าทัพเห็นตรงกันว่าการปฏิวัติเป็นแนวทางอื่น ยังไม่น่าที่จะแก้ไขปัญหาประเทศได้ ทุกส่วนและทุกเหล่าทัพเห็นตรงกันว่าจะยึดแนวทางหลัก 3 ประการ เพื่อประคองให้สถานการณ์ประเทศชาติ ผ่านวิกฤติไปได้

ขณะที่ พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวว่า กองทัพบกสั่งให้กองทัพภาคที่ 1 ติดตามสถานการณ์ความปลอดภัยไม่ว่าเหตุลอบทำร้าย หรือผู้ไม่ประสงค์ดี หรือเหตุการณ์ใดก็ตาม เพื่อไม่ให้เกิดการแทรกแซง มีสารวัตรทหาร 3 เหล่าทัพวางกำลังร่วมกับตำรวจ 14 จุดในพื้นที่สำคัญ

ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลมองว่าหากทหารจะออกมาปฏิวัติ จะพุ่งเป้าไปที่แม่ทัพภาคที่ 1 และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสนาธิการทหารบก พล.ท.คณิต ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม เมื่อถามว่า แสดงว่าต้องรอให้ ผบ.ทบ.สั่งใช่หรือไม่ พล.ท.คณิต ชี้นิ้วขึ้นฟ้า พร้อมกล่าวว่า "ทหารไม่ได้มีแค่ ผบ.ทบ.ท่านเดียว"

ไม่มีความคิดเห็น: