วันอาทิตย์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ผู้ต้องหาปาหิน ทำเด็ก 12 ขวบดับ กินยาตายแล้ว

ผู้ต้องสงสัยมือปาหินใส่รถบรรทุกกินยาตาย

ความคืบหน้ากรณีวัยรุ่นขี่รถจักรยานยนต์ย้อนศรปาหินใส่กระจกหน้ารถบรรทุกสิบล้อขนอ้อย ซึ่งมี นายสนิท สายเพชร อายุ 45 ปี เป็นคนขับ และหินถูกศีรษะ ด.ช.อนุพงษ์ สายเพชร อายุ 13 ปี ลูกชายของนายสนิท เสียชีวิต เหตุเกิดบนถนนเพชรเกษม พื้นที่ ต.ต้นมะพร้าว อ.เมือง จ.เพชรบุรี เมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 9 มีนาคม ที่ผ่านมานั้น

ล่าสุด เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 11 มีนาคม พ.ต.ท.สุเมธ แก้วสวัสดิ์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองเพชรบุรี รับแจ้งเหตุมีคนกินยาฆ่าตัวตายภายในโรงแรมแฮปปี้อินน์ จึงรุดไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุอยู่ในห้องเลขที่ 26

พบศพ นายพนม อินทกูร อายุ 37 ปี อาชีพรับจ้าง อยู่บ้านเลขที่ 47/1 หมู่ 2 ต.หนองปรง อ.เขาย้อย ภายในห้องพบกระป๋องยาแลนเนทและขวดเบียร์ที่มีส่วนผสมของยาแลนเนท นอกจากนี้ ยังมีจดหมายที่ผู้ตายเขียนระบายความในใจเรื่องปัญหาภายในครอบครัวระหว่างเมียหลวงกับเมียน้อย

ญาติของนายพนม ให้การว่า ก่อนที่นายพนมจะฆ่าตัวตายได้มาบ่นปรับทุกข์ให้ฟังว่า เมื่อวันที่ 9 มีนาคม ที่ผ่านมา มีปากเสียงกับเมียน้อย จึงขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านด้วยความโมโห พร้อมกับหยิบก้อนหินติดมือไปด้วย

เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุจึงปาหินออกไป หลังจากนั้นก็ไปดื่มเหล้าต่อและเห็นข่าว ด.ช.อนุพงษ์ ถูกคนปาหินใส่ถูกศีรษะเสียชีวิต จึงรู้ว่าได้ก่อเหตุร้ายขึ้น จากนั้นนายพนมก็ไปเปิดโรงแรมแฮบปี้อินน์ ในเวลา 20.00 น. วันที่ 10 มีนาคม

จนกระทั่งเวลา 08.00 น. วันที่ 11 มีนาคม พนักงานโรงแรมได้ไปเรียก พอเปิดประตูเข้าไปก็พบนายพนมนอนดิ้นทุรนทุรายก่อนจะเสียชีวิต จึงแจ้งให้ตำรวจทราบ คาดว่านายพนมน่าจะเครียดหนัก ทั้งปัญหารักสามเศร้าและเรื่องที่ทำให้เด็กคนหนึ่งเสียชีวิต รวมทั้งกดดันที่ตำรวจตั้งค่าหัวตามล่า จึงฆ่าตัวตายหนีความผิด

น.ส.หทัยกาญจน์ อินทกูร อายุ 40 ปี พี่สาวของนายพนม กล่าวระหว่างมารับศพว่า ไม่เชื่อว่าน้องชายจะเป็นคนปาหินใส่รถบรรทุก เนื่องจากน้องชายเคยทำอาชีพขับรถบรรทุกสิบล้อ และทำไมจะต้องมาก่อเหตุกับคนอาชีพเดียวกัน ประกอบกับน้องชายยังไม่เคยรับสารภาพที่ไหนว่าเป็นคนปาหิน อย่าเอาน้องมาเป็นแพะ ส่วนสาเหตุที่น้องชายฆ่าตัวตายยังไม่ทราบ

ต่อมาเมื่อ เวลา 18.20 น. วันเดียวกัน พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้นำนายสุชิน เอมโอษฐ์ อายุ 52 ปี พยานในคดีมาแถลงกับผู้สื่อข่าว นายสุชิน ระบุว่า ช่วงเวลา 03.00 น. ก่อนที่นายพนมจะฆ่าตัวตาย ได้ขี่รถจักรยานยนต์มาหาที่บ้านพัก เลขที่ 55 หมู่ 2 ต.หนองปรง อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี

ชักชวนให้ดื่มเหล้าและปรับทุกข์ว่าไปก่อเหตุปาหินใส่รถบรรทุกจนทำให้เด็กเสียชีวิต และเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กระทั่งเวลาประมาณ 06.00 น. นายพนมก็ได้แยกย้ายกลับบ้าน จนมาทราบภายหลังว่าก่อเหตุฆ่าตัวตาย

พล.ต.ท.วรพงษ์ กล่าวว่า ถึงแม้ในทางคดีจะมีเบาะแสว่า นายพนมก่อเหตุจากคำบอกเล่าของนายสุชิน แต่ตำรวจก็ยังคงที่จะสอบปากคำพยานเพิ่มเติม ก่อนที่จะสรุปคดีนี้ว่านายพนมเป็นมือปาหินจริงหรือไม่ ส่วนการเชื่อมโยงคดีนี้ เกิดขึ้นเพราะหลังพบศพนายพนม ได้ติดต่อไปยังกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่

จึงได้เบาะแสว่ามาพบกับนายสุชิน ก่อนจะฆ่าตัวตาย ตำรวจจึงสอบปากคำนายสุชิน และได้เบาะแสว่า นายพนมได้บอกเล่าเรื่องนี้ไว้ก่อนที่จะฆ่าตัวตาย ซึ่งพฤติการณ์ของนายพนมจากคำบอกเล่าของกำนัน ผู้ใหญ่บ้านทราบว่า เวลาเมาสุรามักจะแสดงพฤติการณ์ที่ก่อให้เกิดอันตราย เช่น นำรถจักรยานยนต์ไปจอดขวางถนนให้รถที่ขับผ่านชน

ด้านนายสนิท สายเพชร อายุ 45 ปี บิดาของ ด.ช.อนุพงษ์ กล่าวว่า จากหลักฐานที่ตำรวจนำมาแสดงทั้งรถจักรยานยนต์และเสื้อผ้าที่นายพนมส่วมใส่ ทำให้มั่นใจว่า เป็นคนร้ายที่ก่อเหตุจนทำให้บุตรชายเสียชีวิตจริง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พี่สาวของนายพนม ที่ก่อนหน้านี้ปฏิเสธว่าน้องชายไม่ได้มีส่วนรู้เห็นต่อเหตุการณ์ปาหิน อยู่ระหว่างเดินทางกลับบ้านที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อนำศพไปประกอบพิธีทางศาสนา

ไม่มีความคิดเห็น: